สังคม

ศาลปกครองกลางพิพากษา ‘กรมที่ดิน’ ละเลยปมเขากระโดง - ‘ชูวิทย์’ โพสต์ “ใครหน้าด้านกว่ากัน ?”

โดย petchpawee_k

31 มี.ค. 2566

2.8K views

ศาลปกครองกลางพิพากษากรมที่ดิน คดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ด้านชูวิทย์ โพสต์ ฉะแหลก เขากระโดงใครหน้าด้านกว่ากัน 


ศาลปกครองกลาง พิพากษา คดีที่การรถไฟฯ ยื่นฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินกรณีเอกสารสิทธิทับซ้อนที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ให้อธิบดีกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกทับที่การรถไฟ บริเวณแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ รวม 722 แแปลง เนื้อที่กว่า 5,00ไร่


คดีนี้ การรถไฟฟ้องว่า ได้มีหนังสือลงวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ขอให้อธิบดีกรมที่ดิน ใช้อำนาจดำเนินการตรวจสอบที่ดินบริเวณพื้นที่ทางแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ และดำเนินการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนในที่ดิน บริเวณที่เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟทั้งหมด


โดยมีคำขอให้กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อทำการสอบข้อเท็จจริง ในการออกหนังสือแสดงสิทธิทับที่ดินของการรถไฟในบริเวณดังกล่าว เพื่อสอบข้อเท็จจริง ในการออกหนังสือแสดงสิทธิทับที่ดินของการรถไฟ และขอให้กรมที่ดิน ชดใช้ค่าเสียหายปีละกว่า 707ล้านบาท และค่าขาดประโยชน์รายเดือน เดือนละอีกเกือบ 59 ล้านบาทนับถัดจากวันฟ้อง


นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ศาลพิพากษาว่า กรมที่ดินละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน


โดยบอกว่า ที่ผ่านมา ยอมรับว่าการรถไฟฯ ไม่เคยมายื่นสอบเขตที่ดินเลย ซึ่งศาลได้สั่งให้ทั้งการรถไฟฯ และกรมที่ดิน จะต้องตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจน


ซึ่งในวันนี้ (31 มี.ค.) จะเรียกประชุมคณะกรรมการของกรมที่ดิน เพื่อดูว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ รวมถึงจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีนี้ด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายใน 60 วัน


อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่า หากพบว่าเป็นการออกเอกสารโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่จงใจกระทำทุจริตจะดำเนินคดีอาญาต่อไป


โดยก่อนหน้านี้ มีคำพิพากษาศาลฎีกา ที่วินิจฉัยว่า ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของการรถไฟแผ่นดิน สายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ตอนแยกที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ กิโลเมตรที่ 375 + 650 เป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟ ต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 จึงถือได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย


อีกทั้งที่ดินมีฐานะเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งสามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปได้ หาใช่มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความ ประกอบกับ การรถไฟได้ตรวจสอบเอกสารทางทะเบียนจากสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า มีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนที่ดินของการรถไฟ จำนวน 850 แปลง แต่ การรถไฟดำเนินการคัดถ่ายเอกสารมาได้บางส่วน


และจากการตรวจสอบของคณะทำงานตามคำสั่งกรมที่ดิน เมื่อปี2565 พบข้อมูลหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นโฉนดที่ดิน 396 ฉบับ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ 376 ฉบับ รวม 772 ฉบับ ส่วนความเสียหายทางแพ่ง ศาลระบุว่า ยังไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด

------------------------------

‘ชูวิทย์’ จวกยับ เขากระโดง “ใครหน้าด้านกว่ากัน?” ซัด ผู้ว่าการรถไฟฯ รู้กฎหมาย แต่ไร้คุณธรรม


วานนี้ (30 มี.ค.) เวลาประมาณ 15.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ


“เขากระโดง “ใครหน้าด้านกว่ากัน?”    


ในที่สุดวันนี้ ศาลปกครองกลางออกคำตัดสิน ตอกย้ำอีกครั้งว่า ที่เขากระโดงเป็น “ที่ดินของรถไฟ” จะถามอีกกี่ครั้งก็เป็นที่ของรถไฟ ไม่รู้จะเอาช่องทางไหนช่วยกันอีกแล้ว เหมือนคนสติไม่สมประกอบ ถามย้ำถามซ้ำ ไม่รู้แม้กระทั่งที่ดินบ้านตัวเองว่าเป็นของใครกันแน่


แต่ความเจ้าเล่ห์ของตระกูลนักการเมือง ยังนำเอาที่ดินไปให้อีกบริษัทเช่าต่อ ทำสนามฟุตบอล สนามแข่งรถ ให้ดูมีความเสียหายเกิดขึ้นกับบุคคลที่ 3 ทั้งๆ ที่เช่ากันเองเป็นนิติกรรมอำพราง


ส่วนผู้ว่ารถไฟเป็นอดีตอัยการ รู้มาก แต่ไม่ยอมไปชี้แนวเขตที่ดินตัวเองเสียอย่างนั้น มีความรู้กฎหมาย แต่คุณธรรมไม่รู้ซุกอยู่ไหน?


ที่เขากระโดงเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเจ้ากระทรวงคมนาคม ส่วนเจ้าของที่ดินดันเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชา


พุทโธ่ ก็บอกแล้วหากไม่กล้าก็ให้ลาออกเสีย อยู่ไปก็มีแต่จะโดน ม.157 ไปด้วย เพราะผมร้อง ป.ป.ช. ไว้ ผมทำงานให้ทั้งทวงถาม แฉผ่านการแถลงข่าว (ไม่ได้เก็บเงินค่าแถลงข่าวกับใครนะครับ)


บอกว่าเขากระโดง ตั้งแต่ ร.6 นำเอาที่ดินที่มีหินคุณภาพสูงเหมาะกับการใช้โรยทางรถไฟไปใช้ แต่ต่อมาที่ดินถูกอมไป เอาหินไปขายจนร่ำรวย และพัฒนานำไปสร้างสนามฟุตบอล สนามแข่งรถอีก


วันนี้ศาลปกครองสั่งให้กรมที่เดินเร่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่เขากระโดงทั้งหมดภายใน 15 วัน


แต่ต้องดูก่อนว่ามีคนออกอาการ “หน้าด้าน” อยู่อีกไหม คนเราหากมันหน้าด้านแล้ว ก็ยังหน้าด้านวันยันค่ำ ตระกูลนี้เขาซี้กับสนธิ สื่อผู้จัดการ และเครือข่าย ไม่เล่นข่าวแบบนี้หรอกครับ เขาชอบเกาะหลังผม ต้องรอจังหวะยันคนแก่ สื่อเฒ่าสติแตกซักที สู้กันได้ ถึงไหนถึงกัน คนมันมีนิสัยหน้าด้านเหมือนกัน ที่ดินซอย 10 ของผม ขยันเสียเหลือเกิน กะว่าจะล้มผมให้ได้


ระหว่างที่หลวงที่อมไป กับที่เอกชนอย่างผม ผลประโยชน์ใด ถึงทำให้สื่อเฒ่าเล่าเรื่องนึง แต่เว้นอีกเรื่อง


หากดูใน “Discovery channel” พวกนี้คือ “ไฮยีน่า” ที่เล่นหมาหมู่ แต่ตัวผมเป็น “สิงห์โต” แลกกันได้เลย ละครฉากนี้จะได้เห็นว่า ใครหน้าด้านกว่าใคร สันดานเป็นยังไง แล้วดูว่า ใครจะสติแตกก่อนกัน”



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/GBty6zEQQQ8

คุณอาจสนใจ

Related News