"ทนายตั้ม" โต้ "ชูวิทย์" 3 แสน คือค่าความเสี่ยงทำคดี เงินที่ได้มาสุจริต ไม่ใช่มาจากธุรกิจสีเทา

ทนายตั้ม ยืนยัน ใบเสนอราคาที่ชูวิทย์ ออกมาโพสต์แฉ 3 แสนบาท ไม่ใช่ค่าแถลงข่าว แต่คือค่าความเสี่ยงในการทำคดี เงินที่ได้มาจากอาชีพสุจริต ไม่ได้มาจากเงินสีเทา



เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มี.ค. 66 ทนายตั้ม หรือทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงกรณีการตอบโต้ระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในเรื่องปมเงินถุงและค่าใบเสนอราคา 3 แสนบาทในการแถลงข่าว ทั้ง แฉไป ไถกับแถลงไป ไถไป

โดยทนายตั้ม บอกว่า เงินที่ผมได้มานั้นเป็นเงินที่สุจริต ไม่ได้เป็นเงินที่มาจากสีเทา หรือไปเปิดธุรกิจสีเทามา



เมื่อผู้สื่อข่าว ถามว่า ปกติต้องรับเงินหลังจบคดี หรือว่าถ้าทนายไม่ได้ไปขึ้นว่าความจะรับเงินหรือไม่ ทนายตั้มกล่าวว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทนายความไม่จำเป็นต้องขึ้นว่าความอย่างเดียวถึงจะไม่ได้เงิน อาชีพทนายไม่ได้มีเงินเดือน ไปอำเภอก็มีค่าใช้จ่าย ดังนั้น ที่ผมออกมาแถลงเพราะผมยอมโดนฟ้องอยู่คนเดียว มันเป็นค่าที่จ่ายมาเพื่อเป็นความเสี่ยง เพราะผมต้องการเซฟลูกความของผม ผมยอมโดนอยู่คนเดียว และผมยอมที่จะถูกฟ้องในอนาคตหรือไม่ มันเป็นเรื่องของผมแล้ว



ยกตัวอย่างที่ผม โพสต์ แฉไป ไถไป พร้อมปึกเงิน ผมลองเชิง แค่นี้พี่ชูวิทย์ยังตกหลุมผม รับสารภาพมาว่าเป็นของตัวเองและรับมาจากสารวัตรซัว เพราะพี่ไม่ได้เรียนกฎหมายมา ผมก็พยายามบอกออกสื่อว่ามันเป็นเงินก้อนนี้ เพราะตอนแรกผมไม่ได้อยากให้พี่ถูกดำเนินคดี แต่พี่ยังจะไปรับอีก เดี๋ยวมันก็มีขั้นตอนต่อมา



โดยค่าจ้างทนายของผม คือ โทรฯปรึกษา ถ้าไม่ใช่ทนายตั้มจะเป็นราคา 1,000 บาท ต่อ 20 นาที ถ้าเป็นที่ทนายตั้ม 1,500 บาท ต่อ 20 นาที และถ้ามาเจอที่สำนักงานฯ เจอตัวผมเป็น 3,000 บาท ต่อครึ่งชั่วโมง แต่ที่เก็บเพราะว่าเป็นเรื่องของความเสี่ยงทางคดี ไม่มีเก็บนอกเหนือจากนั้น หรือส่วนแบ่งหลังจากนั้น ถ้าชนะคดี ได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่แล้วแต่คดี คนอื่นอาจจะรับ 25% แต่ผมรับ 10 บ้าง 15 % บ้าง



ส่วนเรื่องผมพาลูกเมียไปเที่ยว ดูแลพวกเขาถามว่ามันเป็นเงินที่ผมหามา มันผิดหรือไม่ ผมอยากถาม ผมเสียภาษีให้แผ่นดินทุกปี ตรวจสอบผมได้



บางเคสผมก็ช่วยเขาฟรี ไม่มีแถลงข่าวใดๆ ซึ่งปีนี้ผมแถลงข่าวไปแค่ 2 ครั้งเอง ทั้งเรื่องคนถูกลวนลาม เรื่องศัลยกรรมจมูก ฯลฯ



เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่ว่าหลานชูวิทย์ มาจ้างทนายตั้ม 3 แสน ให้ไปแฉชูวิทย์ บอกเลยว่าไม่มี คุ้มไหมครับ โดนทัวร์ลงทั้งประเทศขนาดนี้ แต่ที่ผมออกมาพูดเพราะว่าผมได้ข้อมูลมาตอนเย็นวันนั้นเลยที่ผมโพสต์เรื่องปึกเงิน แต่ผมก็มีข้อมูลมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่พอมีหลักฐานแน่นขึ้น ก็เลยโพสต์ไป

ทนายตั้มยังบอกอีกว่า พี่ชูวิทย์อย่าไปเอาใบเสนอราคามาโพสต์แบบนี้ แล้วมาตัดสินผม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไม่กลัวเรตติงตกหรือ ทนายตั้มบอกว่า อันนี้ให้ประชาชนตัดสิน ผมทำเป็นเอกสารใบเสนอราคาไป ถ้าลูกความผมเขาโอเค ก็คือโอเค



สำหรับกรณีที่บอกว่าผมใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ทนายตั้มบอกว่า เป็นเครื่องมืออย่างไร เพราะค่าที่ผมได้รับคือค่าความเสี่ยง แต่ต่อไปนี้ผมจะแจ้งไปว่าถ้าผมจะแถลงผมจะบอก แล้วแต่พี่ๆ นักข่าว แต่ทุกครั้งที่ผมออกมาแถลง ผมเป็นคนที่ถูกฟ้อง ไม่ใช่พี่ๆ นักข่าว ทั้งนี้ ตนขอเปลี่ยนคำว่าค่าแถลงหรือใบเสนอราคาเป็นคำว่า ค่าความเสี่ยงในการทำคดีแทน