สังคม

เช็กสภาพอากาศวันนี้ ร้อนสูงสุดทะลุ 40 องศาหลายพื้นที่-อุตุฯ เตือนไทยตอนบนเจอพายุฤดูร้อน 26-29 มี.ค.

โดย kanyapak_w

25 มี.ค. 2566

1.3K views

(25 มี.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยารายงาน พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ในขณะที่ลมใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด รวมถึงระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง



อนึ่ง ในช่วงวันที่ 26-29 มี.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป



ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน ส่วนภาคกลางตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อย เนื่องจากมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศระบายได้ดี



ภาคเหนือ



อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 36-41 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 20-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 39-41 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




ภาคกลาง




อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส

ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




ภาคตะวันออก



อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-40 องศาเซลเซียส

ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร




ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)



เมฆบางส่วน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และยะลา

อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร





ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)




อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร




กรุงเทพและปริมณฑล



อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 32-39 องศาเซลเซียส

ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.



ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 26 - 29 มีนาคม 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และด้านตะวันออกของภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย



โดยจะมีผลกระทบดังนี้



วันที่ 26 มีนาคม 2566



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:   จังหวัดบึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี



วันที่ 27 มีนาคม 2566



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:     จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด

ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี



ภาคตะวันออก:   จังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด



วันที่ 28 มีนาคม 2566



ภาคเหนือ:  จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:     จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ

ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี



ภาคกลาง:  จังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล



ภาคตะวันออก:  จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด




วันที่ 29 มีนาคม 2566



ภาคเหนือ:  จังหวัดพิษณุโลก และเพชรบูรณ์



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:  จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ

ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี



ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล



ภาคตะวันออก:   จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด




จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง





คุณอาจสนใจ