สังคม

"ศรีสุวรรณ" บุกเยือนหนังสือ กทม. สอบ "สวนชูวิทย์" เป็นสมบัติสาธารณหรือไม่

โดย nutda_t

24 มี.ค. 2566

283 views

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เพื่อให้ตรวจสอบความชัดเจน ว่า สวนชูวิทย์ ของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วหรือไม่



เนื่องจากกรณีคำพิพากษาของศาลฎีกา เดือนมกราคม 2559 ใน คดีรื้อบาร์เบียร์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เมื่อปี 2546 โดยตัดสินลงโทษจำคุกนายชูวิทย์ และพวก 2 ปี ลดจาก 5 ปีที่ศาลอุทธรณ์เคยพิพากษาไว้ อันเนื่องจากศาลฎีกาเห็นว่าหลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์กับพวก ได้ร่วมกับจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายไปบางส่วนแล้ว และยังมีการนำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สึกสำนึกผิด นับว่ามีเหตุปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม พิพากษาแก้ว่าจากจำคุก 5 ปี ให้เหลือแค่ 2 ปี ไม่รอลงอาญา



สำหรับที่ดินที่นายชูวิทย์ นำไปยื่นศาลเพื่อขอลดโทษนั้น ถูกนำไปสร้างเป็นสวนสาธารณะ เรียกว่า สวนชูวิทย์ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ให้ไว้ต่อศาล ที่จะยกที่เป็นสาธารณะประโยชน์ แต่ล่าสุด สวนดังกล่าวไม่มีแล้ว เมื่อพื้นที่สวนดังกล่าวกำลังก่อสร้างพลิกโฉมเป็นอาคารสูงโครงการขนาดใหญ่ จึงเป็นที่สงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมกันอย่างมากว่า สวนหรือที่ดินของนายชูวิทย์ให้เป็นสวนสาธารณะ โดยไม่ได้นำไปจดทะเบียนนั้น จะถือได้ว่าที่ดินกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไปโดยปริยาย ไม่สามารถที่จะคืนให้กับเจ้าของเดิม อาศัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ป.พ.พ.มาตรา 1304 โดยไม่จำต้องนำไปจดทะเบียนการให้ต่อเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 525 นั้น จะถือว่ามีผลโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ หากมีผลสมบูรณ์แล้ว เป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม. ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังพบว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังเคยแถลงกับสื่อมวลชนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 ยืนยันว่าสวนดังกล่าว เป็นของสาธารณะ



ส่วนการมายื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ครั้งนี้มองว่า กทม.เป็นเจ้าของพื้นที่ สามารถวินิจฉัยและพิจารณาได้หลังจากคำพิพากษาที่กล่าวอ้างข้างต้น แต่หากอยู่นอกเหนืออำนาจของ กทม. ก็จะเดินหน้ายื่นศาลต่อไป



ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับหนังสือร้องเรียน พร้อมชี้แจงกับสื่อมวลชน ว่าจะตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกทม. ที่จะสามารถพิจารณาตามคำร้องของนายศรีสุวรรณ ได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องมอบหมายให้นายจักรพันธ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. และฝ่ายกฎหมายไปศึกษารายละเอียดของโดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลซึ่งจะขอคัดลอกคำพิพากษาของศาล รวมไปถึงการขออนุญาต การจ่ายภาษีที่เกี่ยวข้อง



“กทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมา กทม.ไม่เคยใช้งบประประมาณเข้าไปบริหารจัดการสวนดังกล่าว”



ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ ยังกล่าวอีกว่า การออกมายื่นให้กทม. ตรวจสอบสวนชูวิทย์ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง หรือต้องการดิสเครดิตของนายชูวิทย์ ที่ออกมาโจมตีนโยบายของพรรคการเมืองในช่วงนี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายชูวิทย์ คัดค้านนโยบายกัญชา ซึ่งมองว่าเป็นประเด็นที่สังคมมีความเห็นทั้ง 2 อย่างคือเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย



ส่วนตัวเห็นด้วยกับบางเรื่องที่นายชูวิทย์ ออกมาเคลื่อนไหว เช่น กรณีทุนจีนสีเทา และการออกมาเคลื่อนไหวไม่ใช่การประกาศสงครามกับนายชูวิทย์ เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ