สังคม

ตั้งโต๊ะแถลงปม ‘ซีเซียม-137’ ไม่ชี้ชัดถูกหลอมหรือยัง โซเชียลวิจารณ์ ตอบไม่ตรงคำถาม

โดย petchpawee_k

21 มี.ค. 2566

56 views

ผู้ว่าฯปราจีน ไม่ยืนยัน วัตถุซีเซียมที่หลอมแล้วคือที่หาย แต่จากข้อมูลในระบบอนุมานว่าใช้ และไม่รู้สาเหตุ ไปอยู่ที่โรงงานหลอมได้อย่างไร โบ้ย ตร.ตรวจสอบ ด้านสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ยันสารซีเซียม 137 ที่พบ ถูกหลอมเป็นฝุ่นแล้ว อยู่ในถุงบิ๊กแบ็ค ระบบปิด ไม่กระทบประชาชนและสิ่งแวดล้อม 


จากกรณี ท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 จากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ ที่ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี หายปริศนา โดนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี ได้รับแจ้งเหตุกรณีวัสดุกัมมันตรังสีสูญหาย จากสถานประกอบการทางรังสีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา

ซึ่งในตอนแรกคาดว่าตัวเก็บสารดังกล่าวหลุดออกมาจากจุดติดตั้ง เพราะใช้งานมานาน อาจมีชาวบ้านหรือคนเก็บของเก่ามาเจอคิดว่าเป็นเศษเหล็กจึงเก็บเอาไปขาย โดยไม่ทราบว่าวัตถุดังกล่าวเป็นสารอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งหลังมีกระแสข่าวดังกล่าว นำเสนอในโซเชียล และสื่อต่าง ทำให้ประชาชนเกิดการวิตกกังวลง โดยเฉพาะชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่

ช่วงเช้า ประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำอุปกรณ์ตรวจวัดสารซีเซียม 137 อย่างละเอียด พร้อมทั้งตรวจโดยรอบพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ว่ามีสารซีเซียมฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ หรือ ตามจุดต่างๆ โดยรอบหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าว มาเตรียมแถลงข่าวช่วง 11 โมง

โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวหลายหน่วยงาน ทั้ง นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ สนง.ปรมาณู  นางเพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขา สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ  นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ และ พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี

การแถลงข่าว วานนี้เป็นไปด้วยงุนงง เพราะเป็นการแถลงที่เหมือน เจ้าหน้าที่และนักข่าว รวมทั้ง ตัวแทนชาวบ้านตอบโต้กันไปมา และบางช่วง ก็ออกลักษณะกึ่งตำหนิผู้สื่อข่าวที่ถามคำถามโดยการแถลงนี้ ทุกคนอยากรู้คำตอบว่า สารซีเซียม-137 ถูกหลอมไปแล้วใช่หรือไม่และจะดำเนินการอย่างไร

โดยนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวยอมรับว่ากรณีเรื่องซีเซียม-137 นั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณโรงงานหลอมเหล็กในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบใช้อุปกรณ์และเครื่องมือเข้าไปตรวจสอบบริเวณในโรงงานก็พบว่าเครื่องแสดงถึงสารกัมมันตรังสีสูง


โดยยอมรับว่า ซีเซียม-137 นั้นได้ถูกหลอมลงที่โรงงานแห่งนี้ แต่ยืนยันว่าโรงงานแห่งนี้เป็นโรงหลอมระบบปิดไม่ได้มีการฟุ้งกระจายออกไปภายนอก ซึ่งตนเองและทีมงานเข้าไปตรวจสอบ ขั้นตอนการเผาของโรงงานนี้ พบว่าบริเวณท่อของโรงงาน ซึ่งท่อเตาเผา เป็นระบบปิดไม่มีการฟุ้งกระจายออกมาภายนอก แทงสีเซียม-137 ที่ถูกล้อมละลายก็กลายเป็นฝุ่นสีแดงอยู่ในท่อนี้  


เมื่อความร้อนเริ่มขยายตัวที่ปล่องของโรงงานที่ผลิตไว้ไม่ได้ ออกไปสู่ภายนอกตัวโรงงานหรือระบบเตาหลอม จะตกอยู่ในกล่องนี้ก็จากนั้นก็เก็บใส่อยู่บิ๊กแบ๊ค ซึ่งเจ้าหน้าที่ใส่ชุดป้องกันเข้าไปตรวจสอบและเก็บข้างล่างตั้งแต่กล่องจนถึงท่อข้างล่าง

เจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์ไปตรวจวัด สารกัมมันตรังสี ตั้งแต่ข้างนอกเตาเผา ปรากฏว่าผลการวัดด้านนอกไม่มีสารแต่ข้างในเจ้าหน้าที่เดินเข้าไป ใกล้ๆ Big Bag ถึงพบว่ามีสารกัมมันตรังสีโชว์ขึ้นมา ต้องเข้าไปใกล้ๆ เท่านั้น หากอยู่ไกลออกไป ตรวจไม่พบ ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าสารอันตราย อยู่แค่จุดนี้ ที่ปิดไว้ ไม่มีการเล็ดลอดออกไป


ส่วนบริเวณรอบข้างทั้งบ้านเรือนประชาชนสภาพแวดล้อมอากาศดินน้ำ ทุกวันเจ้าหน้าที่ประมาณเพื่อสันติก็ขับรถโมบายที่มีเครื่องมือตรวจสอบเข้าตรวจสอบโดยรอบ โรงงานและรัศมีใกล้เคียง หมู่บ้านชุมชนและทุกจุดแต่ยังไม่พบ พบแค่ในจุดที่โรงงานที่กันไว้เท่านั้นไม่ได้เป็นอันตรายขยาย เมื่อยืนยันชัดเจนแล้ว จึงปิดพื้นที่ทันทีและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบข้าง บริเวณแนวกระเป๋าบิ๊กแบ็ก พบว่าขึ้น แต่เมื่อออกมา 10 กว่าเมตร ไม่พบค่าของสารขึ้น


แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่จากสำนักปรมาณูเพื่อสันติ ไม่ยืนยันว่าซีเซียม ที่พบในโรงหลอม คือซีเซียม-137 จากแท่งบรรจุที่หายไปหรือไม่ เพราะไม่เจอตัวแท่ง และยังไม่รู้ว่า แท่งที่หาย ถูกหลอมไปหรือยัง แต่อนุมานว่า ใช่ เพราะยังไม่เจอซีเซียมหายไปจากจุดอื่น

ต่อมาผู้สื่อข่าวถามว่า แท่งซีเซียมนี้ออกมาได้อย่างไร ทั้งขนาด น้ำหนัก และระบบรักษาความปลอดภัยโรงงานที่ค่อนข้างเข้มข้น ผ่านมาจนถึงขณะนี้ทราบหรือยังว่ามาได้อย่างไร

ประเด็นนี้ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการ สำนักงานปรมณูฯ กล่าวว่า นักข่าวถามดีกับคำถามนี้แต่โรงงานนี้รับแท่งซีเซี่ยมมาได้อย่างไร นักข่าวจึงสวนกลับไปว่า เราไม่ได้กล่าวหาว่าโรงงานนี้ รับแท่งซีเซียม -137 มา เราถามว่า แท่งนี้มาที่โรงงานนี้ได้อย่างไร ไม่ได้กล่าวหาโรงงาน

จากนั้นก็ตอบว่า เรายังไม่ยืนยันว่า อุปกรณ์ที่เข้าไปสู่โรงงานนี้แล้วก็เกิดมาเป็นเผา ใช่แท่งซีเซียม-137 ที่สูญหายหรือไม่ เพราะเราไม่เห็นแท่ง ก็ต้องไปสืบต่อว่ามาได้อย่างไร การที่มาตรวจซ้ำแล้วเจอเนี่ย ถือว่าเป็นข่าวดี และคลำทางถูกแล้ว เพราะที่ผ่านมาพยายามตามหาค้นหาในหลายจุด ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี จุดที่ห่างจากโรงไฟฟ้าไม่มาก และก็บอกนักข่าวว่า ท่านอย่าลืมนะโรงไฟฟ้าตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงหลอม การที่แท่งซีเซียม-137 จะมานี่ก็เป็นหน้าที่ สืบสวนสอบสวนของตำรวจ


แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่โรงหล่อซึ่งมีโรงหล่อหลายขนาดขนาดเล็กกลางใหญ่พบว่าปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเครื่องตรวจสารอันตรายก่อนที่จะเข้าโรงงานจึงเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ดังนั้น


อยากขอให้โรงหล่อหรือโรงหลอมทุกแห่งทั่วประเทศ พิจารณา ติดตั้งเครื่องตรวจสอบ ก่อนเข้าสู่กระบวนการหล่อ เป็นจุดอ่อนของโรงโรงงานหลอมเหล็กหากมีเครื่องนี้ จะเป็นการป้องกันที่ ที่ต้นเหตุก่อนจะนำมาบดอัดรวมกันรวมกัน จะเกิดเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกตอนนี้ เราคลำทางถูกละว่ามันมีซีเซียมในปริมาณปริมามากจริงๆ มากกว่า ธรรมชาติประมาณ 3-4 เท่าหรือบางจุดก็ 10 เท่า

ด้านนายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า ขณะนี้ทางการได้ปิดล้อมโรงงานหลอมเหล็กที่พบสารซีเซียม-137 แล้ว และไม่มีการปนเปื้อนไปยังสิ่งแวดล้อมโดยรอบ แต่ยังไม่ยืนยันว่า ฝุ่นเหล็กปนเปื้อนซีเซียม-137 ที่พบนั้น มาจากวัตถุซีเซียม-137 ที่สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำในปราจีนบุรีหรือไม่ รวมถึงไม่พบฝุ่นเหล็กปนเปื้อนซีเซียม-137 ในฝุ่นเหล็กที่ถูกส่งไปรีไซเคิลที่ จ.ชลบุรี ตามที่สื่อหลายสำนักรายงาน และยังไม่พบผู้ป่วยที่ได้รับสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137  

ในส่วนของโรงหลอมเหล็กที่พบฝุ่นเหล็กปนเปื้อนซีเซียม 137 ทางจังหวัดและตำรวจได้ปิดล้อมเพื่อความปลอดภัยแล้ว พร้อมนำพนักงานโรงงาน มาตรวจว่าได้รับสารกัมมันตภาพรังสีหรือไม่ และกำลังสอบสวนที่มาของฝุ่นเหล็กปนเปื้อนเหล่านี้


สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการแถลงข่าวที่ ตอบไม่ตรงกับคำถาม โดยเฉพาะประเด็นวัตถุซีเซียม-137 นั้นหายไปถูกทำลายและอยู่ที่ใดและผลกระทบเป็นอย่างไรเป็นการตอบคำถาม จากแหล่งข่าวที่ไม่ชัดเจนทำให้ผู้สื่อข่าวรวมไปถึงเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่เข้ามาฟังการแถลงข่าวมึนงงไปพร้อมพร้อมกัน จนมีชาวบ้านบางคนก็เปิดใหม่ถามคำถามเพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดและผลกระทบจะได้ใช้ชีวิตในการดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง และป้องกันอันตราย


 แต่กลับไม่ได้รับคำตอบทั้งนี้ในโลกโซเชียลก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแถลงข่าวครั้งนี้ว่ามึนงงสับสนรวมไปถึงการใช้ภาษาที่ทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ

-------------------------------------------------------------------

ปิดแล้วห้องเก็บฝุ่น ซีเซียม หลังพบภาพเปิดวางในห้องโล่ง เจ้าหน้าที่ยืนยัน เป็นภาพตอนทำงาน ยังไม่ได้ปิด ระบุ คุมสถานการณ์ได้แล้วพร้อมโชว์ภาพทดสอบระบบวัดสารกัมมันตรังสีด้านนอกเป็นปกติ เตรียมทำห้องเก็บสารซีเซี่ยมตามมาตราฐานสากลวันนี้ การปิดคลุมผ้าใบแค่ชั่วคราวเท่านั่น

นายกิตติ์กวิน อรามรุญ หัวหน้าศูนย์ปฎิบัติการฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ  เปิดเผยความคืบหน้ากรณีมีภาพถ่ายแชร์ออกไปลักษณะของถุงบิ๊กแบ็คที่มีฝุ่นของสารซีเซียม-137 บรรจุอยู่ภายในกว่า 20 ถุงภายในโรงงานหลอมแห่งหนึ่งทำให้สังคมเกิดความสับสนว่าเป็นการรักษาเป็นการเก็บรักษาที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่


เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าขณะนี้ได้ทำการซีนปิดระบบ ห้องที่เก็บบิ๊กแบ็ค ฝุ่นซีเซี่ยม เรียบร้อยแล้วโดยมีการซีนไว้แต่ละจุด อย่างแน่นหนา เมื่อซีนเสร็จ ก็นำเครื่องตรวจวัดสารกัมมันตรังสี โดยมีการทดลองตั้งแต่ระยะ 50 เมตร จากกระสอบบิ๊กแบ็คฝุ่นซีเซี่ยมจะเห็นว่าเป็นสีเขียวเมื่อขยับเข้าไปใกล้ก็จะเป็นสีเหลืองและเมื่อถึงกระสอบบิ๊กแบ็คระยะประชิดกระสอบ ใกล้ที่สุด ก็จะเห็นว่าเป็นสีแดง นั่นคือจุดอันตราย แสดงให้เห็นว่า ข้างนอก ไม่มีสารอันตราย ฟุ้งออกมาด้านนอกมีแค่ ข้างกระสอบบิ๊กแบ๊คที่มีฝุ่นเท่านั้น


ดังนั้นห้องที่ซีนและเก็บถุงบิ๊กแบ็คจะไม่มีสารกัมมันตะรังสีแผ่ออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งถือว่าเป็นจุดอันตรายที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมและระงับสถานการณ์ได้แล้ว ไม่มีผลกระทบกับประชาชนด้านนอก


ขณะเดียวกันในโรงงานพื้นที่โดยรอบก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเช่นกันเพราะขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้ตามปกติแล้ว ส่วนการเคลื่อนย้ายไปทำลายนั้น ต้องรอประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการทดสอบนำเครื่องวัดสารกัมมันต์ตารางสีมาทดสอบที่บริเวณหน้าโรงล้อมให้สื่อมวลชนได้รับชมพบว่าปริมาณของสารกัมมันตรังสีนั้นไม่พบบริเวณด้านหน้าโรงงานนั่นแสดงว่าเป็นจุดที่ปลอดภัยจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้แล้วส่วนขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการอย่างไรและใครเป็นบุคคลที่นำวัตถุสี่เซี่ยมหนีออกมาจากโรงงานก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ


 สำหรับ วัตถุซีเซี่ยม-137 ที่ มาพบที่โรงหลอมก็พบว่าไม่ใช่เป็นต้นทางที่รับซื้อโดยตรงแต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ได้สำรวจพื้นที่ร้านรับซื้อของเก่าบริเวณอำเภอกบินทร์บุรีและนิคมอุตสาหกรรม 304 มาแล้วหลายร้าน แต่ก็ไม่พบสารตัวนี้ปรากฏขึ้นในระบบ


จนกระทั่งมาพบพี่โรงหลอมส่วนขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการอย่างไรและใครเป็นบุคคลที่นำวัตถุสี่เซี่ยมหนีออกมาจากโรงงานก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้นำทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ของเราเข้าไปตรวจสอบบริเวณรถตู้ที่ตรวจจับสารกัมมันต์ตารางสีนี้โดยภายในรถจะมีอุปกรณ์ที่ตรวจจับสารกัมมันตรังสีเป็นเครื่องขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมไปถึงทำงานควบคู่กับ Google Maps เพื่อที่จะขับรถใช้ความเร็วระยะ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคอยขัดสำรวจพื้นที่ทั้งหมดตั้งแต่เกิดเหตุในรัศมี 5 กิโลเมตรก็พบว่าสัญญาณเตือนที่โรงหลอมแห่งนี้พบสารกัมมันต์ตารางสี


ทั้งนี้ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่ทำการนำผ้าใบมาปิดที่ ห้องเก็บบิ๊กแบ๊ค ที่ด้านในบรรจุฝุ่นเหล็กปนเปื้อนซีเซี่ยม จนเกิดที่วิจารณ์ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ เพราะภายในคือสารเคมี


ทางเจ้าหน้าที่ ชี้แจงว่า การปิดผ้าใบลักษณะนี้เป็นการปิดชั่วคราวเพียงแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น และในเช้าวันนี้ 21 มี.ค.จะมีการปิดตามระบบสากลอย่างถูกต้องครบถ้วน


โดยเริ่มตั้งแต่ การซีนถุงบิ๊กแบ็คแต่ละถุงและเขียนรหัสไว้ จากนั้นก็จะมีการนำอุปกรณ์ที่เหมาะสมตามระบบสากลที่ดูแลเกี่ยวกับสารเคมีมาปิดอีกชั้น เพื่อคงามปลอดภัยสูงสุด และสบายใจกับประชาชน  ทั้งนี้ภาพที่เห็นอยู่ภายในโรงงานหลอมเหล็กซึ่งมีการปิดกั้นพื้นที่แล้ว ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ


ส่วนกรณีที่ทางจังหวัดระยองระบุว่า จะนำถุงบิ๊กแบ็คที่บรรจุ ฝุ่นเหล็กล็อตที่นำออกจากโรงหลอมที่ปราจีนบุรี เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลับมาที่โรงงานปราจีนบุรีนั้น เจ้าหน้าที่ สนง.ปรมาณูเพื่อสันติ ยืนยันว่า การขนส่งไม่ได้ส่งผลกระทบ เนื่องจากถุงบิ๊กแบ็คที่ส่งไปในพื้นที่จังหวัดระยองเป็นคนละชุดกับที่ตรวจพบในจังหวัดปราจีนบุรี และไม่พบการปนเปื้อนซีเซียม-137 ซึ่งการขนส่งก็สามารถส่งมาได้ตามปกติ และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามจะดำเนินการเก็บตามขั้นตอนต่อไป



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/M7eT5K-wmY0

คุณอาจสนใจ

Related News