สังคม
เปิดใจแกร็บขี่รถส่งยายหลานเดินฝ่าแดด หลังยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดย taweelap_b
11 มี.ค. 2566
353 views
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 66 ผู้สื่อขข่าวรายงานว่า หลังจากเฟชบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพตัวเองกับหญิงสูงวัยและเด็กเล็ก ประมาณขวบเศษ พร้อมระบุข้อความว่า "สิ่งที่ไม่เคยขาดจากตัวผมก็คือน้ำใจ เจอยายเดินอุ้มหลานอยู่ตรงเเยกเเสงรุ้งบุรีรัมย์ ยายบอกว่ามายืนยันตัวตนสวัสดิการเเห่งรัฐที่ธนาคาร รอตาขับซาเล้งมารับกลับบ้าน ตาไม่มาสักทีตั้งเเต่บ่าย 1 โทรหาตาไม่รับสาย ยายว่าตาน่าจะมัวไปดู หรือไม่ก็รอรับหลานอีกคนที่โรงเรียน ผมเลยอาสาส่งยายกับหลาน เพราะว่ากว่าตาจะมา ผมกลัวหลานร้องให้ง่วงนอน เเดดร้อนด้วย ผมเลยจัดให้ ส่งฟรีถึงบ้านโคกระกาน้อยสวายจีก #บทชีวิตคนเราย่อมเเตกต่างกันไป เเต่น้ำใจเราควรมีกันทุกคน"
ในเวลาต่อมา ได้มีชาวเน็ตแชร์และเข้ามาคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก ทุกคนต่างชื่นชมในความมีน้ำใจที่ดีงาม กระทั่งทราบต่อมาว่าหนุ่มคนดังกล่าวเป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ และทำงานหารายได้เสริมด้วยการวิ่งแกร็บไบก์ส่งอาหารในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบจนพบนายอถพล วงศ์เลิศ อายุ 20 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ สาขางานเทคนิคยานยนต์ไฟฟ้า ปวส.2 กำลังขับแกร็บรับส่งอาหารอยู่ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์ เล่าให้ฟังว่า ปกติทุกวันจะพกเสื้อแกร็บใส่ในกระเป๋าหนังสือไปด้วย วันไหนเลิกเรียนไม่ค่ำ ก็จะสวมเสื้อแกร็บแล้วทำงานทันที วันที่เจอยายเป็นวันที่ 10 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 15.00 น. ช่วงนั้นตนกำลังจะขี่รถกลับบ้าน ช่วงที่มาจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกแสงรุ้ง เห็นยายอายุประมาณ 65 ปี อุ้มหลานชายอายุขวบเศษ เดินฝ่าแสงแดดจะข้ามถนน ลักษณะเหมือนจะเหนื่อย จึงถามว่า ”ยายจะไปไหน” ยายตอบว่าจะไปสวายจีก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กม. ตนจึงอาสาไปส่งให้ถึงบ้าน ยายบอกว่าไม่มีเงิน จึงบอกไปว่า "ผมไม่คิดเงิน" และให้ยายกับหลานซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไปด้วย
ทั้งนี้ ในระหว่างทางยายได้เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้ายายกับสามีและหลานได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างจากบ้าน เพื่อจะมายืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ธนาคาร แต่เกิดการล่าช้า เนื่องจากที่ธนาคารมีคนเป็นจำนวนมาก ในเวลา 12.00 น. จึงให้สามีขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปก่อน เพื่อไปดูควายที่เลี้ยงไว้กลางทุ่งนา หลังจากยายยืนยันตัวตนเสร็จสิ้น จึงโทรศัพท์หาสามีให้มารับแต่ไม่มีใครรับสาย ตัดสินใจอุ้มหลานเดินมาเรื่อย ๆ กะว่าจะมาเจอกับสามีระหว่างทาง กระทั่งมาเจอตน
อย่างไรก็ตาม นายอถพล กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาตนเคยช่วยเหลือคนในลักษณะนี้เป็นประจำ ๆ ไม่เคยเก็บเงิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เอาภาพไปโพสต์ลงในเฟชบุ๊ก ดีใจที่มีคนเข้าชื่นชม และตนก็จะทำความดีแบบนี้ต่อไป