สังคม

‘ทนายเฮง-การ์ตูน’ เตรียมแจ้งความกลับ ‘ปราบต์ปฎล’ ยันไม่ตบทรัพย์ 10 ล้าน ช่วยวิ่งเต้นคดี Forex-3D

โดย nattachat_c

8 มี.ค. 2566

24 views

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 66 เวลาประมาณ 17.00 น. นายปราบต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงรุ่นใหญ่ ได้โพสต์ผ่านเพจ Praptpadol Suwanbang โดยระบุข้อความว่า #ปราปต์ปฎล สุดทน..เลือดเข้าตา ท้าชน ดีเอสไอ ลั่นพร้อมแฉข้อมูลลับขบวนการตบทรัพย์ใครอยู่เบื้องหลังเรียกเก็บเงิน “ค่าความยุติธรรม”  เมื่อไม่จ่ายก็ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา “คดีฟอกเงิน”  เชิญพี่น้องสื่อมวลชนพบกัน วันที่ 7 มีนาคม นี้ เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานดีเอสไอ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 0925419653 ตูนนิสต์ #DSI #Forex3D


วานนี้ (7 มี.ค.) เวลา 10.00 น. นายปราบต์ปฎล ได้ทำตามที่โพสต์ไว้ โดยเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอทราบความคืบหน้าคดีฟอกเงิน เกี่ยวพันคดี Forex-3D ที่ตนเองถูกแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ระบุว่า ตนเองถูกแจ้งข้อกล่าวหามานาน 5 เดือนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า ส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้ถูกยกเลิกงาน ชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัวพัง บ้านกำลังจะถูกยึด


โดยตนเองมีข้อสงสัยว่าที่ผ่านมา นายธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขา รมว.ยุติธรรม และ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้สัมภาษณ์กับสื่อเสมอว่า ดารา ป. ไม่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในคดี Forex-3D ซึ่งตนเองก็สงสัยว่าในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกง ทำไมจึงถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน


ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นเพราะตนเองได้เคลื่อนย้ายทรัพย์ เป็นรถแอสตันมาร์ตินของแฟนสาว (กู๋กี๋) ซึ่งขนาดนั้นยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ยังใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน และตนเองก็เคยชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว และแฟนสาวของตนเองถูกจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565 (ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมา)


ต่อมา วันที่ 21 สิงหาคม เพื่อนผู้หญิง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของแฟนสาว ได้ติดต่อมาหาตนเองว่ารู้จักกับที่ปรึกษาของเลขารัฐมนตรี ที่สามารถช่วยเหลือได้ จึงนัดให้มีการพูดคุยเจรจากัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านเลียบด่วนรามอินทรา ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน


วันที่ไปพูดคุย มีตนเอง เพื่อนสนิทของแฟนสาว แฟนของเพื่อนคนนี้ และตัวทนายชื่อ ฮ. ซึ่งอ้างตัวเป็นที่ปรึกษาเลขารัฐมนตรี ใช้เวลาพูดคุยกว่า 1 ชั่วโมง โดยมีใจความสำคัญคือทนายความคนนี้ บอกว่า “น้องเขาซวยที่ไปแต่งงานกับคนนั้น ซึ่งก็เชื่อว่าน้องไม่เกี่ยว แต่มันมีราคาของความยุติธรรมอยู่” พร้อมเสนอตัวว่า จะสามารถช่วยทำสำนวนอ่อนลง เพื่อให้พ้นคดีได้ พร้อมกับเรียกเงินหลัก 10 ล้าน อ้างว่าจะไปใช้เจรจากับผู้ใหญ่


นายปราปต์ปฎล บอกว่า หลังจากสิ้นคำนั้น ตนเองอึ้ง และน้ำตาคลอ เพราะตอนแรกคิดว่าที่มาเจรจากัน หากช่วยเหลือเป็นค่าทนาย 5 หมื่นบาท ตนเองก็พร้อมจ่าย แต่เงินจำนวนดังกล่าว ตนเองทำงานทั้งชีวิตก็หาไม่ได้ อีกทั้ง ไม่ต้องการจ่ายเงินให้กับการคอร์รัปชั่น ตอนนั้นไม่ได้พูดอะไรต่อ ทางฝ่ายทนาย ฮ. จึงบอกให้ตนเองกลับไปคิด


จากนั้น ทนายคนดังกล่าวก็กลับไป เหลือพวกตน 3 คน นั่งคุยเรื่องดังกล่าวต่อจนถึงช่วงเย็น ก่อนแยกย้ายกลับ หลังจากแยกย้ายไม่นาน เพื่อนของแฟนสาวส่งไลน์มา ย้ำเรื่องเงินหลัก 10 ล้านอีกครั้ง ซึ่งตนเองอ่านแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่แคปทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด โดยส่วนตัวก็เชื่อว่าเพื่อนผู้หญิงหวังดี และไม่ได้รู้เห็นกับการตบทรัพย์ แต่เป็นเพราะรู้จักคน และอยากช่วยจริงๆ


นายปราปต์ปฎล ยังบอกอีกว่า การที่ตนเองออกมาแฉ ไม่ได้ต้องการที่จะดำเนินคดีในข้อหาความผิดเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือเรียกรับผลประโยชน์ เพราะยังไม่ถึงเวลา  และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้ก่อน


“ยืนยันว่า การออกมาเรียกร้องวันนี้ ไม่ใช่การขู่เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่เป็นเพียงการเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเองและแฟนสาว โดยตนเองต้องการให้แฟนสาวได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี เนื่องจากจะได้รวบรวมพยานหลักฐานต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ เพราะตอนนี้ศาลยังไม่ตัดสิน ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่”

-------------

ขณะที่ ทีมข่าวติดต่อไปยัง ทนาย ฮ. สอบถามข้อเท็จจริง โดยทนายบอกว่า สิ่งที่ปราปต์ปฎล พูดออกมานั้น เชื่อว่าจะต้องเป็นตนเอง และชี้แจงว่ามีการนัดหมายจริง ที่โรงแรมดังกล่าว แต่คุยกันที่ห้องอาหารอย่างเปิดเผย ไม่ได้เป็นการแอบพูดคุย ซึ่งการเจรจา เพื่อนของกี๋เป็นคนติดต่อมาหาตนเองให้ไปช่วยทำคดีดังกล่าว


การพูดคุยมีการคุยกันเรื่องเงินจริงแต่ไม่ได้บอกจำนวน โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินค่าทนายความในการทำคดีดังกล่าวและค่าวิชาชีพ รวมถึงค่าดำเนินการต่างๆ


ยืนยันว่า ไม่มีการกล่าวอ้างถึงเลขารัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ว่าจะสามารถช่วยเคลีย์คดีได้ ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้พูดคำว่า “ความยุติธรรมมีค่าที่ต้องจ่าย”


ส่วนเรื่องแชท ทนาย ฮ. ยันว่า ไม่ได้ไปพิมพ์ในแชตกับเพื่อนกี๋อีกหลังจากนั้น ตามที่ปราปต์ปฎลพูด
-------------

วานนี้ (7 มี.ค.) นางสาวชิดชญา วณิชกิตติ์ (การ์ตูน) พร้อมด้วยนายกฤษดา กฤตเมธานนท์ ( ทนายเฮง) ผู้ที่ถูกนายปราปต์ปฎล สุวรรณบาง อ้างว่าอยู่ในกลุ่มขบวนการตบทรัพย์เพื่อช่วยเหลือการดำเนินคดีกับแฟนสาว ที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงินการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล Forex-3D ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน หลังที่นายปราบต์ได้ออกมาแถลงที่ดีเอสไอ


นางสาวชิดชญา เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับนายปราบต์ คือเมื่อเดือนมิถุนายน โดยได้ทักไปหาแฟนสาวที่เป็นเพื่อนสนิทกัน เพื่อขอให้นายปราบต์โปรโมทนาฬิกายี่ห้อหนึ่งที่ขายอยู่ เนื่องจากเห็นว่านายปราบต์ใส่ยี่ห้อนี้เป็นประจำ และนายปราบต์ยังมาขอนาฬิกาฟรีด้วย แต่ทางนางสาวชิดชญาไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากไม่ใช่เจ้าของโดยตรง แต่แฟนของนายปราบต์ก็ได้ตกลงซื้อไป 1 เรือน เพื่อช่วยสนับสนุนเพื่อนของตัวเอง


หลังจากนั้นได้ทราบข่าวว่า เพื่อนถูกดำเนินคดีจึงรู้สึกตกใจและเป็นห่วงเพื่อน และได้นัดหมายให้นายปราบต์มาคุยกับทนายเฮง และตัวเองอยู่ด้วย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 ซึ่งรู้จักกัน เพราะเป็นคนที่ร่วมทำคดีนี้ โดยนัดรับประทานอาหารกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และเป็นคนที่ออกใช้จ่ายค่าอาหารให้ เนื่องจากนายปราบต์บอกว่าไม่มีเงิน


โดยยืนยันว่า การพูดคุยครั้งนี้เป็นเพียงการสอบถามเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวเท่านั้น โดยทนายเฮงก็ได้แนะนำเพียงว่า คดีนี้มีความเสียหายจำนวนมาก ทำให้วงเงินเงื่อนไขการประกันตัวก็ต้องใช้จำนวนมากเช่นกันเป็นหลักล้าน โดยที่ไม่ได้บอกจำนวนเงิน 10 ล้านบาท ตามที่นายปราบต์กล่าวหา


รวมทั้งไม่ได้มีการกล่าวอ้างถึงการวิ่งเต้นคดี หรือ พูดถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งเต้นคดี และไม่มีการตบทรัพย์ใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งคดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว จึงไม่สามารถวิ่งเต้นคดีในชั้นสอบสวนได้


ส่วนที่นายปราบต์ อ้างว่ามีการพูดถึง “ความยุติธรรม ต้องมีค่าใช้จ่าย” ทนายเฮงยืนยันว่าไม่ได้พูดถึง แต่หากตามหลักการว่าจ้างคดีความแล้ว ก็จำเป็นต้องมีค่าจ้างทนายความวิชาชีพ และค่าดำเนินการในชั้นศาลอยู่แล้ว แต่จะจำนวนเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคู่ความ


โดยหลังจากนี้ ทั้งสองคนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายปราบต์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากถือว่าได้รับความเสียหาย ทั้งเรื่องชื่อเสียง และผลกระทบความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ  


ทั้งนี้ การ์ตูนได้บอกว่าถ้ามีหลักฐานเรื่องตบทรัพย์ก็งัดออกมาฟ้องได้เลย แต่ถ้าไม่มีก็จะฟ้องกลับ และยังงัดหลักฐานแชทที่ได้พูดคุยออกมาด้วย 

-------------

ขณะที่ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันเช่นกันว่า ไม่ได้รู้จักกับนายปราบต์เป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับเคยไปทานอาหารด้วยกัน แต่ไม่ได้พูดคุยเรื่องคดี


ส่วนทนายเฮงยอมรับว่า ก็เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายในการร่วมกันทำงานในกระทรวง ที่มีหลายคดีต้องการรับความช่วยเหลือจากผู้มีความรูhความสามารถ ซึ่งทนายเฮงก็ไม่ได้รับค่าตอบแทนจากกระทรวง เป็นการช่วยเหลือด้วยจิตอาสา


พร้อมยืนยันว่าคดีนี้ไม่สามารถวิ่งเต้นในชั้นสอบสวนได้แล้ว เนื่องจากคดีอยู่ในชั้นศาล แต่หากนายปราบต์มีพยานหลักฐานที่เห็นว่ากลุ่มคนที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องตบทรัพย์ ก็สามารถดำเนินคดีได้


ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงที่นัดรับประทานอาหารกัน นายปราบต์ยังไม่ถูกดำเนินคดี แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน ก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินนั้น ทำให้นายปราบต์ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นสาเหตุที่ไม่ยอมจ่ายเงินหรือไม่นั้น ว่าที่ร้อยตรีธนกฤตก็ยืนยันว่า ในช่วงดังกล่าวไม่มีการเรียกรับเงิน เพราะนายปราบต์ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา และถือว่าไม่เกี่ยวข้องทางคดี


ส่วนก่อนหน้านี้ ที่นายปราบต์ได้ดำเนินคดีกับนายพงศธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด ดีเอสไอ ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไปค้นที่ห้องพักของเพื่อนแฟนสาวนั้น คดีนี้พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว เนื่องจากเป็นการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และนำค้นโดยเจ้าของห้องอย่างถูกต้อง เพื่อให้นำของที่เกี่ยวข้องทางคดีออกมา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


สำหรับคดี Forex-3D ยืนยันว่า ดีเอสไอได้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน และกำลังดำเนินการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้กับผู้เสียหายกว่า 12,000 คน และยึดมาได้พอสมควรแล้ว


ซึ่งการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลักที่ร่วมกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ในข้อหาฉ้อโกงไปแล้ว ส่วนการขยายผลก็จะมีกลุ่มคดีฟอกเงินที่กำลังดำเนินการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ

-------------



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/-7JJjYj3aUA

คุณอาจสนใจ

Related News