สังคม

ศาลสั่งจำคุก 8 ปี 18 เดือน ห้านายพรานฆ่าชำแหละเสือโคร่ง ศาลชี้คำอ้างเสือกินวัวก่อนฟังไม่ขึ้น

โดย nattachat_c

7 มี.ค. 2566

14 views

วานนี้ (6 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จับกุมตัว 5 นายพราน ผู้ต้องหาก่อเหตุนำซากวัวมาเป็นเหยื่อล่อเสือโคร่งสองแม่ลูก ออกจากป่าห้วยปิล๊อก ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก แล้วใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต จากนั้นนำไปถลกหนัง และแล่เอาเนื้อเพื่อนำไปเป็นอาหาร เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 ม.ค. 2565


โดย 5 นายพราน คือ

  • นายศุภชัย เจริญทรัพย์
  • นายจอแห่ง พนารักษ์
  • นายกูกือ ยินดี
  • นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์
  • นายโชเอ ไม่มีนามสกุล


ทั้ง 5 นายพราน เป็นชาวหมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ซึ่งหลังจากโดนจับ ในวันที่ 15 ม.ค.2565 ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้อนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกันตัวออกไปเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาล ด้วยวงเงินคนละ 100,000 บาท


ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ สวอ3/2565 และคดีหมายเลขแดงที่ สวอ1/2566 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ (โจทก์) กับ จำเลยทั้ง 5 คน ในความผิด...

  • ความผิดต่อพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
  • ความผิดต่อพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
  • ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
  • ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน


ศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้า มีความผิด ดังนี้

  • มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน
  • พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
  • พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
  • พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507


โดยการกระทำของจำเลยทั้งห้า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี


ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร

  • เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ปรับคนละ 1,000 บาท ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ปรับคนละ 10,000 บาท


ฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติกับฐานร่วมกัน นำหรือปล่อยสัตว์ที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรงในเขตอุทยานแห่งชาติ

  • เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ กับฐานร่วมกันนำหรือปล่อยสัตว์ ที่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรงในอุทยานแห่งชาติ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน


ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ฐานร่วมกันล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ กับฐานร่วมกันยิงปืนภายในเขตอุทยานแห่งชาติ

  • เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี


ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติกับฐานร่วมกันเก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ

  • เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในป่าสงวนแห่งชาติ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี


ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

  • จำคุก คนละ 1 ปี 6 เดือน และฐานร่วมกันทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ภายในอุทยานแห่งชาติ จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 8 ปี 18 เดือน และปรับคนละ 11,000 บาท


จำเลยทั้งห้า ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 3 ปี 21 เดือน และปรับคนละ 5,500 บาท


ส่วนการที่จำเลยทั้งห้า วางเงินชำระค่าเสียหายบางส่วน ก็เป็นความรับผิดที่จำเลยทั้งห้าจะต้องชำระตามคำพิพากษา ในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ชดใช้อยู่แล้ว แม้จำเลยทั้งห้า จะไม่เคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน และประกอบกิจกรรมต่างๆ ตามที่จำเลยทั้งห้านำสืบ ก็ไม่เป็นเหตุสมควรให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยทั้งห้า

หากจำเลยทั้งห้า ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 กับให้จำเลยทั้ง ห้า ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นเงิน 750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ


อัตราดอกเบี้ยอาจปรับเปลี่ยนได้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ทั้งนี้ให้นำเงินจำนวน 300,000 บาท ที่จำเลยทั้งห้า วางต่อศาลหักออกจากค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่จำเลยทั้งห้าวางเงินต่อศาลด้วย

--------------
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งห้า ของพนักงานคุมประพฤติแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งห้า มีครอบครัวและอาศัยอยู่ในชุมชนใกล้เคียงป่าพื้นที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งห้าย่อมจะต้องมีความรู้สึกหวงแหนป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งต้องปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าบุคคลทั่วไป อีกทั้งควรจะปฏิบัติตนเป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ทำลายหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ


ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งห้า มีอายุและวุฒิภาวะมากพอที่จะรู้ผิดชอบชั่วดีและไตร่ตรองถึงการกระทำ รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาได้ การที่จำเลยทั้งห้ากล่าวอ้างว่ากระทำไปเนื่องจากโกรธแค้นที่เสือมากัดกินโคกระบือของจำเลยทั้งห้า และป้องกันทรัพย์สินของจำเลยทั้งห้า แม้จะเป็นดังที่จำเลยทั้งห้ากล่าวอ้าง ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องสมควร ทั้งยังถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งยังเป็นการทำลายระบบนิเวศ และทำให้ธรรมชาติเสียสมดุล


แม้จำเลยทั้งห้าจะอ้างว่าเสือโคร่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนที่น้อย มิฉะนั้นคงไม่กำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและมีการกำหนดแผนปฏิบัติการอนุรักษ์เสือโคร่งแห่งชาติ และจำเลยทั้งห้าควรที่จะเข้าใจในธรรมชาติของเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่โดยธรรมชาติจะต้องล่าสัตว์เป็นอาหาร


การที่จำเลยทั้งห้า เลี้ยงวัวกระบือในพื้นที่เกิดเหตุ ก็เป็นเรื่องที่อาจคาดคะเนได้ว่าจะเกิดเหตุที่เสือมากัดกินวัวกระบือของจำเลยทั้งห้า นอกจากนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งห้ามีอาวุธปืนถึง 4 กระบอก กระสุนปืนอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีเครื่องมือเครื่องใช้ตามที่เจ้าพนักงานตรวจยึดไว้เป็นของกลาง อันแสดงว่าจำเลยทั้งห้าสามารถดำรงชีพอยู่ในป่าได้ระยะเวลานาน โดยมีการวางแผนกันมาอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อที่จะล่าสัตว์ป่า


ยิ่งไปกว่านั้นจากการตรวจยึดของเจ้าพนักงานยังพบว่า มีการแล่หนังเสือโคร่งทั้งสองซากในลักษณะเป็นแผ่นตั้งแต่หัวจนถึงปลายหางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทั้งตัว ชิ้นเนื้อและกระดูกผ่านการรมควันเพื่อป้องกันการเน่าเสีย อันบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งห้า ประสงค์ที่จะครอบครองหรือแสวงหาประโยชน์จากซากเสือโคร่งทั้ง 2 ซาก ซึ่งจำเลยทั้งห้า ย่อมทราบดีว่ามีกระบวนการรับซื้อซากสัตว์ดังกล่าวในราคาที่สูง


การกระทำของจำเลยทั้ง 5 หาใช่เป็นการยิงฆ่าเสือโคร่งเพราะเหตุเพียงโกรธแค้น หรือป้องกันทรัพย์สินของจำเลยทั้งห้าแต่ประการเดียวไม่


การกระทำของจำเลยทั้งห้ากรณี จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ส่วนการที่จำเลยทั้งห้า วางเงินชำระค่าเสียหายบางส่วน ก็เป็นความรับผิดที่จำเลยทั้งห้าจะต้องชำระตามคำพิพากษา ในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ชดใช้อยู่แล้ว


แม้จำเลยทั้งห้า จะไม่เคยถูกดำเนินคดีอาญามาก่อน และประกอบกิจกรรมต่างๆ ตามที่จำเลยทั้งห้านำสืบ ก็ไม่เป็นเหตุสมควรให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยทั้งห้า หากจำเลยทั้งห้า ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 กับให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน 750,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ อัตราดอกเบี้ยอาจปรับเปลี่ยนได้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี

--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/DaX6YthM5Kk

คุณอาจสนใจ

Related News