สังคม

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดยุทธการ ทลายอาณาจักร “ซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์”

โดย onjira_n

3 มี.ค. 2566

1.6K views

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ดำเนินการตรวจสอบคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือสารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากมีประเด็นกรณีเป็นเจ้าของเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จำนวน 55 บริษัท มีพฤติการณ์ในการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า สารวัตรซัว และบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการพนันออนไลน์ เบื้องต้นเชื่อว่า มีบริษัทกว่า 30 บริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ปที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทผลิตเกมส์, ผลิตโปรแกรม, พัฒนาซอฟแวร์, จัดการบัญชี, จดทะเบียนพาณิชย์, จัดการเงิน, แลกเปลี่ยนเงิน และทำการตลาด

    นอกจากนี้ ยังพบว่า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๕ ได้มีภาพซึ่งปรากฎข้อความที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ติดอยู่บริเวณหน้าบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป จากข้อมูลดังกล่าวจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า สารวัตรซัว น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ มาตั้งเเต่ปี พ.ศ.๒๕๕๕ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยจากการสืบสวนพบมูลคดีที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ของสารวัตรซัวเป็นจำนวนหลายคดี ซึ่งอยู่ระหว่างทำการสืบสวน

    ทั้งนี้ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตรวจสอบพบอีกว่า เมื่อปี พ.ศ.2560 คดีที่มีผู้เสียหายเป็นแอร์โฮสเตส เข้าเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจำนวน 5 ล้านบาท ซึ่งต่อมาภายหลังได้มีการสืบสวนสอบสวน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีม้ามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้นั้น จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ในคดี

ดังกล่าว มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้นำคดีดังกล่าวกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง และได้มีการโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซึ่งจากการตรวจสอบพบความเชื่อมโยงไปยัง สารวัตรซัว และนายธีรพงศ์ฯ หรือนายจิ๋ว ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้ดำเนินการขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.161/2566 และ จ.162/2566 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งในส่วนของนายธีรพงศ์ฯ หรือนายจิ๋ว พบว่ามีการสั่งจ่ายเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์จำนวนกว่า 300 ล้านบาท ไปให้กับบุคคลอื่นๆ

    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงได้ทําการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว รวมหมายจับทั้งสิ้น 14 หมายจับ (เป็นหมายจับสารวัตรซัว และนายจิ๋ว จำนวน 2 หมายจับ และเป็นหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสารวัตรซัวจำนวน 12 หมายจับ)

    ในวันที่ 3 มีนาคม 2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้เปิดปฏิบัติการ ทลายอาณาจักร “ซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” ลงพื้นที่ตรวจค้นจับกุมในพื้นที่ ๕ จังหวัด (กรุงเทพ, จันทบุรี, ชลบุรี, นนทบุรี และ ปทุมธานี) ตรวจค้นเป้าหมายกว่า 63 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งสิ้น ๖ ราย ดังนี้


1. นายธีรพงศ์ฯ หรือนายจิ๋ว อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.162/2566 ลงวันที่ 1 มี.ค.66 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน”

    2. นายอนุวัฒน์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2720/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาฯ, ร่วมกันฟอกเงิน”

    3. นางอำภา อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2721/2564 ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาฯ, ร่วมกันฟอกเงิน”

    4. นางสาวเกศกนก  อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2732/2565       ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาฯ, ร่วมกันฟอกเงิน”

    5. นายนรินทร  อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2735/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาฯ, ร่วมกันฟอกเงิน”

๖. นายชาตรี  อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2729/2565 ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาฯ, ร่วมกันฟอกเงิน”

 และตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหา จำนวนกว่า 100 รายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท ดังนี้

    1. รถยนต์จำนวน 3 คัน (ยี่ห้อ Lexus, Benz, Audi)

    2. โฉนดที่ดินจำนวนรวมกว่า 446 ไร่ มูลค่ารวม 700 ล้านบาท

    3. สมุดบัญชีธนาคาร 184 บัญชี พบเงินหมุนเวียนจำนวน 700 ล้านบาท

    4. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 100 รายการ

    ทั้งนี้ยังได้มีตรวจค้นเครือข่ายขบวนการดังกล่าวในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เพิ่มเติม โดยพบเงินสดประมาณ 20 ล้านบาท และยาเสพติด (ยาเค) จำนวน 30 กรัม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    สำหรับ สารวัตรซัว และผู้ต้องหาอื่นๆ ที่ยังหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว และจะดำเนินการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป







คุณอาจสนใจ

Related News