สังคม

นิ่มสารภาพ 'ชายเสื้อเหลือง' อุ้มน้องต่อ ไม่มีตัวตนจริง - แจ้งข้อหา 'พุด-ลุงแจ้' ทั้งคู่รับยอมรับข้อกล่าวหา

โดย nattachat_c

23 ก.พ. 2566

133 views

จากกรณี น้องต่อ อายุ 8 เดือน หายตัวปริศนา จากบ้านพัก บ้านคลองขุด อำเภอบางเลน จ.นครปฐม ตัังแต่วันที่ 5 ก.พ. 66 โดยนางนิ่ม (แม่น้องต่อ) อ้างว่า มีชายเสื้อสีเหลืองมาอุ้มลูกชายจากที่นอนไป ขณะที่เธอหลับ ช่วงเกิดเหตุประมาณ 7 โมงเช้า


วานนี้ (22 ก.พ. 66) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาประชุมความคืบหน้าคดี การหายตัวปริศนาของน้องต่อ หลังจากก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้ชุดสืบสวนทั้งส่วนของ สภ.บางหลวง ภาค 7 และชุดเฉพาะกิจ ลงพื้นที่เร่งคลี่คลายคดี


โดยจากการสอบปากคำนางนิ่มมาหลายวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ นำไปตรวจร่างกาย และจิตเวช พร้อมเข้าเครื่องจับเท็จ


ล่าสุด นางนิ่ม ยอมรับว่า กรณีชายเสื้อเหลืองที่เคยให้ข้อมูลกับตำรวจ และสื่อมวลชน ว่า มีชายเสื้อสีเหลืองมาอุ้มตัวเด็กขณะที่นอนหลับ แท้จริงแล้ว 'ไม่มีชายเสื้อเหลือง' เป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมา


แต่เมื่อถามถึงตัวน้องต่อ นางนิ่มยังไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น และยังไม่ยอมบอกว่า น้องต่ออยู่ที่ใด ตอบแค่ว่าไม่รู้”
-------------

ทางด้านตำรวจได้แจ้งข้อหา 'นายพุด' สามีของแม่น้องต่อ เนื่องจากเป็นกรณีสามี มีความสัมพันธ์ทางเพศกับนางนิ่มที่อายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นเยาวชน โดยมีการแจ้ง 3 ข้อหาดังนี้


1. พรากผู้เยาว์

2. กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี

3. เป็นธุระจัดหาให้กระทำการค้าประเวณี (นำนางนิ่มไปขายให้กับนายแจ้)


ส่วนนายแจ้ ถูกแจ้งข้อหา 2 ข้อหา คือ

1. พรากผู้เยาว์

2. กระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี


ทั้งสองคนให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ และเก็บหลักฐาน จากนั้นจะคุมตัวไว้ที่โรงพักสอบปากคำและควบคุมตัว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และเช้าวันนี้ (23 ก.พ. 66) จะนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม

ขณะที่แม่ของนายพุด เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวไว้เป็นเงิน 100,000 บาท แต่ตำรวจคัดค้านการประกัน

-----------
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า สำหรับการตามหาตัวน้องต่อ จากการที่นางนิ่มได้สารภาพว่า 'ไม่มีชายเสื้อเหลือง' ทำให้น้ำหนักการหายตัวของน้องต่อตอนนี้ ตกมาอยู่ที่นางนิ่มมากขึ้น


โดยตอนนี้ข้อมูลแนวทางการสืบสวนสอบสวนได้ไล่เกือบทุกประเด็นแล้ว พร้อมทั้งตัวละครอื่นๆ พร้อมทั้งมีคำกล่าวอ้างของชาวบ้านก่อนหน้านี้ ที่กล่าวว่าไม่พบบุคคลแปลกหน้า โดยเฉพาะคนนอกพื้นที่ เข้ามาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ทำให้ตอนนี้ทุกอย่างต้องกลับมาโฟกัสที่ตัวแม่เด็กเอง แต่เจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่า เอาเด็กไปไว้ที่ไหน บอกเพียงว่า “ไม่รู้”


นอกจากนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' ยังได้เผยว่า การสอบปากคำที่ผ่านมา สิ่งที่แม่เด็กพูดทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเรื่อง 'เท็จ' ทั้งหมด แต่ละวันที่ตำรวจสอบปากคำ ลักษณะจะเป็นการที่วันนี้พูดอีกอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง และจะเปลี่ยนไปเรื่อย จนทำให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ทำให้วันนี้ น้ำหนักตกมาอยู่ที่แม่เด็กทั้งหมด เพราะ “แม่ต้องรักลูก แต่วันนี้ไม่มีการร้องไห้ ไม่มีการเสียน้ำตา”

----------------

'บิ๊กโจ๊ก' ยังได้เผยการให้ปากคำที่น่าจะเป็นอีกข้อหนึ่งคือ นางนิ่มได้บอกว่า ตื่นมาตอนตี 3 เพื่อมาให้นมน้อง


แต่ในความจริงแล้ว เป็นเรื่องเท็จ เพราะคนที่เห็นและนอนใกล้ๆ กับน้องต่อ ได้บอกว่า ไม่มีแม้กระทั่งการตื่นมาต้มน้ำ การร้องไห้ เพราะน้องต่อจะร้องไห้นานมาก ประมาณ 15 นาที 

----------------

'บิ๊กโจ๊ก' บอกว่า จากการสอบปากคำหมอที่ รพ.ส่งเสริมตำบล  3 ปาก ยืนยันตรงกันว่า ก่อนน้องต่อจะหาย น้องต่อป่วย ตรวจพบอุณหภูมิร่างกายสูงถึง 39 องศา หมอแนะนำให้แม่พาลูกไปโรงพยาบาล แต่เจ้าตัวกลับเอากลับบ้านไป


ตอนนี้ ยอมรับว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะยังต้องเร่งค้นหาต่อเนื่อง ส่วนนางนิ่มจะไม่ให้ข้อมูลก็ไม่เป็นไร เพราะเราได้ข้อมูลที่มากขึ้นแล้ว 
----------------

จากกรณีการหายตัวของน้องต่อ ต้องบอกว่าตำรวจใช้เวลาสืบสวน และหาข้อมูลอย่างละเอียดทุกมุม และมีรายงานว่ากล้องวงจรปิดบางตัว ไม่สามารถบันทึกรถที่เข้าออกหน้าบ้านน้องต่อได้ รวมถึงวันเกิดเหตุ (กล้องบ้านตรงข้าม แต่ ตร. ขอให้หลอกว่าเสีย และยังไม่ยอมให้)


โดยในกล้องที่ตำรวจพบ พบว่าไทม์ไลน์ของนายพุด ไม่ตรงกับคำให้การ ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า  นายพุดตื่นแล้วและเดินอยู่ในบ้าน แต่จากนั้นพบว่า ก่อน 7 โมงเช้า มี จยย.สีน้ำเงิน ออกจากบ้านน้องต่อไป แต่มุมกล้องไม่เห็นว่าเป็นบุคคลใดขับเพราะกล้องเป็นมุมต่ำ จากนั้นรถจยย. คันนี้ก็หายไประยะหนึ่ง ก็กลับมา ช่วงประมาณ 7 โมงกว่าๆ


ทั้งนี้ มีพยาน 1 คน เข้าให้ปากคำกับตำรวจว่า ช่วงเวลาหกโมงกว่าๆ ได้ขี่รถจยย. สวนทางกับนิ่ม โดยนิ่มขี่จยย.คนเดียว และเข้าใจว่านิ่มคงไปตลาดในวันเกิดเหตุ  และต่อมาช่วง 7 โมงกว่า นิ่มก็อ้างว่า น้องต่อหายไป และนั่งคลุมโปงร้องไห้


ล่าสุด ผลการตรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่า มีคราบเลือดที่ จยย.สีน้ำเงิน ในบ้านของน้องต่อ โดยยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเป็นเลือดของใคร

-----------

สรุป เบื้องต้น คราบเลือดในบ้านน้องต่อ มีดังนี้

1. ที่หมอนน้องต่อ ปริมาณมากพอสมควรเลือดซึมลงถึงชั้นเนื้อหมอน

2. จุดท่อน้ำทิ้ง หน้าห้องน้ำใช้ล้างจาน ตรงกับพยานคนหนึ่งระยุว่าเวลาประมาณตีห้ากว่าๆวันเกิดเหตุ เห็นบุคคลหนึ่ง (นิ่ม) มาบ้างมือจุดนี้ 

3. บริเวณผ้าห่มน้องต่อ มีเลือดประปรายไม่มาก  

4. ที่รถจยย สีน้ำเงิน

-----------

บริเวณริมคลองอยู่ด้านหลังบ้านพักของน้องต่อห่างกันประมาณ 50 เมตร / ซึ่งสภาพบริเวณนั้นเป็นริมคลองที่ติดกับหมู่บ้าน  ด้านข้างริมคลองเป็นป่ารกทึบ ส่วนอีกฝั่งเป็นดินเลนและมีต้นธูปขึ้นอย่างหนาแน่น


ทางนักข่าวนำอุปกรณ์โดรนบินสำรวจช่วยอีกทาง ซึ่งพื้นที่นี้ยังไม่ถูกสแกนค้นหา การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากขณะเลยลุยเดินเข้าไป เป็นพื้นที่แฉะ และมีน้ำเสียบางจุดขังอยู่ ทำให้การเดินเท้าค้นหาค่อนข้างทุลักทุเล


โดยจุดนี้พบแพมเพิทเด็กที่ใช้แล้วทิ้งในพื้นที่นี้ คาดว่าเป็นของเด็กแรกเกิด เนื่องจากเป็นแพมเพิร์สไซส์ S. นายพุดเผยว่าไม่ใช่ของน้องต่อ เพราะน้องต่อใส่แพมเพิทไซส์ M


ต่อมาเวลา 15.10 น. ก็มาค้นหาที่ริมป่าหญ้าต้นธูป ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ  650 เมตร โดยทีมค้นหา พบวัตถุปริศนาในน้ำถุงกระสอบปุ๋ยลอยอยู่ห่างจากถนน 4-5 เมตร ในหนองน้ำลึกของป่าต้นธูป  ซึ่งมีถุงกระสอบลอยอยู่ทั้งหมด 3 ใบ


ทีมค้นหาจึงลงน้ำเพื่อไปนำกระสอบขึ้นมาบนฝั่ง จุดบริเวณดังกล่าวลึกประมาณ 1 เมตร 50 เซนติเมตร จากนั้นลากถุงกระสอบใบหนึ่งขึ้นมาบนฝั่ง และได้เปิดถุงดู ปรากฎว่า มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง และพบว่าเต็มไปด้วยกระดูกหลายชิ้น และมีชิ้นหนึ่งลักษณะคล้ายกับกระโหลกศีรษะของสัตว์  และพบหนังที่มีขนสีดำอยู่นอกจากนี้ยังมีเสื้อลายขาวดำ


จึงมีการแจ้งตำรวจสภ. บางหลวงและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาจุดที่พบวัตถุปริศนา ตรวจที่กระสอบที่พบกระดูก จากการดูด้วยสายตาเบื้องต้น น่าจะเป็นกระดูกของสัตว์ เพราะมีชิ้นส่วนกระดูกที่เล็ก และพบลักษณะเขี้ยวสัตว์ จึงไม่น่าจะเป็นมนุษย์ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ นายพุดก็ได้ลงมาดูจุดที่พบกระสอบด้วย


ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพุด บอกว่า ตนตกใจมากที่เห็นกระสอบดังกล่าว โดยจังหวะที่เปิดกระสอบออกมาและพบมีเสื้อผ้า มีเศษกระดูก มีหัวกะโหลก ตกใจมาก และภาวนาว่าไม่ใช่ลูก ช่วงนี้คือนายพุดน้ำตาคลอ และเช็ดน้ำตา เพราะกลัวว่า ในกระสอบจะเป็นลูกตัวเอง แต่พอเปิดแล้วไม่ใช่แน่ๆ และเสื้อที่พบก็ไม่ใช่เสื้อของน้องต่อ รวมถึงเสื้อของคนในบ้าน


โดยส่วนตัวคิดบวก เชื่อว่าน้องต่อยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็ขอร้อบใครเอาน้องไปให้เอาคืน “ขอให้น้องต่อกลับมาหาพ่อ ผมอยากดูแลเขา”

-------------

คุณอาจสนใจ

Related News