สังคม

ไฟไหม้เรือไฟฟ้าเฟอร์รี่หรู 3 ลำ สูญกว่า 100 ล้าน - รองอธิบดีเจ้าท่า สั่งเร่งสอบให้แล้วเสร็จใน 7 วัน

โดย nattachat_c

22 ก.พ. 2566

20 views

วานนี้ (21 ก.พ. 66) เวลา 08.00 น.ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เรือเฟอร์รี่ บริเวณท่าเทียบเรือเอกชนแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้วัดท้องคุ้ง ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 


ที่เกิดเหตุเป็นท่าเรือเอกชน ที่ใช้สำหรับจอดชาร์จเรือไฟฟ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่พบเพลิงกำลังลุกไหม้เรือเฟอร์รี่ ที่จอดเทียบท่าเรียงกัน จำนวน 12 ลำ โดยเพลิงลุกไหม้เรือดังกล่าวอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมกำลังกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่ลุกโหม เพื่อไม่ไห้เพลิงลุกลามไหม้เรือที่จอดอยู่ข้างกัน แต่การควบคุมเพลิงก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก


เนื่องจากขณะเกิดเหตุ มีกระแสลมแรง เจ้าหน้าที่ต้องใช้การดับเพลิงทั้งจากทางพื้นบก และเรือดับเพลิงจากกรมเจ้าท่า และมูลนิธิร่วมกตัญญู สูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระเจ้า เพื่อควบคุมเพลิง


ซึ่งกว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากการตรวจสอบ พบเพลิงลุกไหม้เรือเฟอร์รี่เสียหาย จำนวน 3 ลำ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด


สอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือเฟอร์รี่ไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอร์รี โดยที่ รปภ. รายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้ คาดว่าน่าจะเป็นแบตเตอรี่ในเรือ ซึ่งเรือทั้งหมดจะมาชาร์จแบตเตอรี่ที่นี่


ซึ่งตอนที่ตนเองเข้ามา ไฟก็ได้ลุกไหม้แล้ว ที่เกิดเหตุเป็นท่าเทียบเรือ ที่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ติดตั้งไว้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งเบื้องต้น เพลิงลุกไหม้เรือเรือเสียหายไปแล้ว 3 ลำ


ด้านนายอัครพล อายุ 48 ปี คนดูแล เล่าว่า เพลิงเกิดจากพื้นเรือลำที่ 9 ซึ่งบริเวณดังกล่าวจอดอยู่ 5 ลำ ก่อนที่จะย้ายเรือหนีเพลิงไหม้ได้ 2 ลำ โดยในท่าเรือ มีเรือทั้งหมด 12 ลำ โดยเรือที่ไหม้เป็นเรือใหม่รอส่งงาน ซึ่งเรือแต่ละลำราคาประมาณ 40 ล้านบาท


ด้านนายพชร รปภ.จังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า เรือจอดอยู่ที่นี่ทั้งหมด 12 ลำ ได้รับความเสียหาย 3 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทางจังหวัดได้ไห้ความสำคัญ เนื่องจากมีแผนป้องกันภัยทางน้ำ ซึ่งประชุมผ่านไปแล้ว และรอประกาศ


ส่วนเรื่องทางมลพิษ ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งจะลงพื้นที่ตรวจวัดมลพิษต่อไป ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร


ด้านนายฉัตรชัย เวชสาร ผอ.การท่าสมุทรปราการ เผยว่า เบื้องต้นจากการสอบถาม พบว่าเรือที่เกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว เป็นเรือที่สร้างขึ้นใหม่ ยังไม่มีการส่งมอบ ซึ่งเพลิงไหม้เสียหาย 3 ลำ และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป


เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูป และทำแผนที่ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะประสานผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก ก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ต่อไป


สำหรับเรือเฟอร์รี่ดังกล่าว เป็นของบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นของคนไทย โดยเรือชนิดดังกล่าวเป็นเรือนำเที่ยวแบบใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีรายงานมูลค่าลำละไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท

------------
ต่อมา เวลา 15.00 น. นายวิเชียร เปมานุกรรักษ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปฏิบัติการ พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ


นายวิเชียร กล่าวว่า ในเบื้องต้น ด้านกรมเจ้าท่า โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ตนมาดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น ตอนนี้กรมเจ้าท่าได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้รายงานผลภายใน 7 วัน ให้ได้ทราบ เบื้องต้น มอบหมายให้พื้นที่กรมเจ้าท่าภาคที่ 6 นำทีมงานมาหาข้อเท็จจริง และสรุปรายงาน


การตรวจสอบในเบื้องต้นในขณะนี้ ปรากฏว่าเรือลำนี้ เป็นเรือที่ต่อมาใหม่ ยังไม่มีการใช้งาน และยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบระบบทั้งหมด การที่จะนำเรือออกไปใช้งานได้นั้น ต้องผ่านข้อบังคับการตรวจเรือ ของเรือไฟฟ้า ปี 2563


เรือที่ผ่านการตรวจแล้วจะมีความปลอดภัย และจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตอนนี้ทางบริษัทกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อจะไปยื่นขอใบอนุญาต แต่เอกสารยังไม่ถึงมือกรมเจ้าท่า เมื่อถึงมือกรมเจ้าท่า ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเรือมาตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด ทั้งตัวเรือ ด้านความปลอดภัยของตัวเรือ ระบบไฟฟ้าของตัวเรือ รายละเอียดทั้งหมด เมื่อผ่านการตรวจแล้ว จึงออกใบอนุญาตใช้เรือ ที่มีความปลอดภัยสูง


ส่วนที่เกิดเหตุ เป็นสถานที่นำเรือมาตรวจเช็กระบบ โดยไปต่อเรือมาจากจังหวัดระยอง และเอามาตรวจเช็กระบบ ยังไม่ได้ส่งมอบให้บริษัท อยู่ระหว่างตรวจเช็กระบบต่างๆ ของเรือ


ส่วนความเสียหายนั้น คาดว่าหลายล้านบาท ที่เสียหายเรือ 3 ลำ และตัวโป๊ะเทียบเรือด้วย ปต่ไม่มีน้ำมันรั่วไหลลงสู่แม่น้ำแต่อย่างใด โดยทางกรมเจ้าท่า สั่งการห้ามใช้ท่าเทียบเรือแล้ว จนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุง ตามคำสั่งของกรมเจ้าท่า


ส่วนท่เทียบเรือเป็นของอีเอ เป็นท่าเทียบเรือของเรือระบบไฟฟ้า ในเบื้องต้น ตอนนี้ไฟได้ดับสนิทแล้ว ความเสียหายได้เห็นจากภาพเมื่อเช้า ช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น โดยวันนี้ (22 ก.พ. 66) กรมเจ้าท่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมาตรวจสอบพิสูจน์กันอีกที คงได้ข้อเท็จจริงมากขึ้น

---------------

ด้านน.ส.วิมลมาศ วงมกรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมน์ โมบิลิตีริเสรร์ซ จำกัด กล่าวว่า


เบื้องต้นได้จัดการหน้างาน และสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว และตรวจสอบปัญหาว่าสามารถเกิดจากอะไรได้บ้าง


เมื่อช่วงบ่ายทาง กกพ. ลงตรวจสอบหน้างาน และตามที่ข่าวได้ออกไปนั้น เรื่องปัญหาการชาร์จแบตเตอรี่นั้นไม่เป็นความจริง โดยตัวระบบชาร์จยังปกติอยู่ เว้นแต่ความเสียหายที่เกิดจากเพลิงเข้าไปไหม้บ้าง ที่หน้าจอ และสายชาร์จ


ส่วนปัญหาด้านเทคนิค ได้มีการตรวจสอบจากทีมวิศวะกรรมทั้งหมดว่า มันจะเกิดจากอะไรได้บ้าง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากจากการชาร์จแบตเตอรี่ เพราะเรือลำนี้ยังไม่ได้มีการชาร์จระบบ และยังไม่ได้ต่อไฟเข้าแบตเตอรี่ ส่วนเพลิงไหม้ที่เกิดอาจเกิดจากบุคคล ซึ่งต้องดูว่าเป็นการเกิดผิดพลาดในการดำเนินการตรงไหนสักแห่งหรือเปล่า


โดยอู่นี้ เป็นอู่ตรวจสอบระบบ ก่อนส่งให้บริษัท ไทยสมายบัส และมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปบางส่วนแล้ว แต่มุมที่เห็น เห็นได้ไม่หมดว่าใครเข้ามาบ้าง


ส่วนการตรวจสอบด้านวิศวกรรม เป็นไปไม่ได้เลยที่เกิดจากแบตเตอรี่ ส่วนตัวแบตเตอรี่เป็นตัวที่ใช้ในเรือกันมานานมากแล้ว ไม่เคยเกิดปัญหาขึ้น

------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/9YeHdTaIdxc

คุณอาจสนใจ

Related News