สังคม

เปิดกล้องหน้ารถ กระบะชนขอบทาง ลูกตกทางด่วนดับ - พ่อแม่ร่ำไห้เชิญวิญญาณ - กูรูชี้โอกาสพวงมาลัยล็อก

โดย nattachat_c

21 ก.พ. 2566

5.1K views

จากกรณีอุบัติเหตุ กระบะโตโยต้า รีโว่ ป้ายแดง เสียหลักพุ่งชนขอบทาง บนทางด่วนพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ขาเข้าจากพระราม 2 มุ่งหน้าด่านบางแก้ว ส่งผลให้เด็กชายวัย 6 ขวบ ที่นั่งอยู่เบาะหลัง กระเด็นออกมานอกรถ ตกลงมาที่พื้นถนนด้านล่าง จนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต


ล่าสุด ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ได้คลิปจากกล้องหน้ารถคันเกิดเหตุ จะเห็นว่ารถคันนี้ ขับมาตามเส้นทางอยู่ในเลนขวา จากนั้นจะได้ยินเสียงผู้ชาย (คนขับ) ส่งเสียงคล้ายว่า รถกำลังเกิดขัดข้องบางอย่าง ก่อนที่หัวรถจะเบี่ยงไปทางถนนเลนซ้ายมือ


ภรรยาซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ แล้วรถพุ่งชนกระแทกกับขอบข้างทางอย่างแรง ทำให้เด็กวัย 6 ขวบ กระเด็นตกทางด่วนเสียชีวิตสลด ขณะที่ภรรยาสติแตกกรีดร้องเสียงดังเรียกชื่อลูก “โฟโต้ โฟโต้”

-------------

วานนี้ (20 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าว จ.สมุทรปราการ ได้สอบถาม พ.ต.ท.ประทวน แขตสันเทียะ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ เผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้อายัดรถคันดังกล่าวไว้ เนื่องจากผู้ขับขี่ให้การว่า ระบบเกี่ยวกับรถยนต์ขัดข้อง จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ


โดยทางพนักงานสอบสวน ยังไม่ตัดประเด็นความประมาทของผู้ขับขี่ทิ้ง ในขั้นนี้ ได้มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องยานยนต์ ของกองพิสูจน์หลักฐาน 1 เป็นผู้ตรวจสอบ เพื่อยืนยันว่า เกิดจากปัญหาของรถยนต์ เครื่องยนต์ หรืออุปกรณ์ใดๆ หรือไม่ ก่อนที่จะทำการสอบสวนรายละเอียดต่อไป


ส่วนการพิสูจน์รถคันดังกล่าวนั้น จะรอให้ทางญาติประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเสร็จสิ้นก่อน จึงจะเชิญผู้เสียหายบริษัทผู้ผลิตรถ ช่างผู้ชำนาญการ และผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน เพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง ขณะที่เรื่องคาร์ซีท ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของความปลอดภัยของผู้ขับขี่ รวมถึงเข็มขัดนิรภัย


กรณีที่มีกระแสข่าวว่า รถกระบะคันดังกล่าว อาจมีสายสิญจน์ผูกที่บริเวณพวงมาลัยนั้น จากการลงพื้นที่ของตรวจสอบรถกระบะคันดังกล่าว ที่สถานที่เก็บของกลาง ของทางด่วนกาญจนาภิเษก ที่ทุ่งครุ อ.พระประแดง ไม่พบสายสิญจน์ผูก หรือผ้าสามสี ที่บริเวณพวงมาลัยแต่อย่างใด และพบว่ารถคันดังกล่าว ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน

-------------

วานนี้ (20 ก.พ. 66) ครอบครัวเดินทางไปที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อติดต่อขอรับศพของน้องโฟโต้ ลูกชายวัย 6 ขวบ ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดพันเสด็จ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยมีพ่อแม่และลูกชายคนเล็ก ที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุ เดินทางมาพร้อมกับญาติๆ ท่ามกลางความโศกเศร้า


จากนั้น ได้เคลื่อนร่างลูกชายวัย 6 ขวบ เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ที่น้องโฟโต้ตกลงมาเสียชีวิต โดยมีพระสงฆ์มาทำพิธีเชิญวิญญาณของน้องโฟโต้กลับบ้าน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที คุณแม่ล้มทั้งยืนนั่งร้องไห้ปานจะขาดใจ จุดธูปเรียกลูกกลับบ้าน เป็นภาพบีบหัวใจอย่างยิ่ง ก่อนที่จะเคลื่อนร่างน้องไปประกอบพิธีที่ชลบุรี โดยมีกำหนดสวดอภิธรรมศพ 2 คืน และจะฌาปนกิจศพในวันพุธ ที่ 22 ก.พ. 66

-------------

ทีมข่าวได้คุยกับนายอาทิตย์ อายุ 41 ปี พ่อของเด็กชายวัย 6 ขวบ ผู้ขับขี่รถกระบะคันเกิดเหตุ ซึ่งเปิดเผยว่า


ตนขับรถมาจามปกติ กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านที่ จ.ชลบุรี พอมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนเลน แต่อยู่ๆ พวงมาลัยรถก็บังคับหักออกไปทางซ้ายเอง ตอนแรกตนยังคิดว่า อาจจะไปเหยียบขอบทาง ทำให้รถแฉลบออก ก็ยังไม่ได้ตกใจอะไร พยายามจะหักพวงมาลัยกลับมาทางขวา


แต่ปรากฎว่า ไม่สามารถหักกลับมาได้ พวงมาลัยล็อกโดยไม่รู้สาเหตุ ตอนนั้นจึงเริ่มตกใจ หันไปบอกภรรยาว่า พวงมาลัยรถหักไม่ไป ภรรยาจึงเอื้อมมาช่วยผลักพวงมาลัย แต่ก็หักไม่ไป รู้ตัวอีกที รถเข้ามาชิดขอบทางแล้ว ตนจึงรีบเหยียบเบรก แต่รถก็กระแทกเข้ากับขอบทางอย่างแรงจนลอยขึ้น รู้สึกว่ามันแรงมาก ตอนนั้นคิดว่าต้องเสียชีวิตแน่


โดยจังหวะที่รถกระแทกเข้ากับขอบทาง ตนยังไม่เห็นว่าลูกชายวัย 6 ขวบ กระเด็นออกไปจากรถ พอตั้งสติได้ ก็รีบหันไปดูภรรยากับลูกชายคนเล็ก ที่นั่งอยู่ด้านหน้าก่อน พอเห็นว่าทุกคนยังสามารถโต้ตอบได้ ก็หันไปดูลูกชายคนโตที่เบาะหลังแต่มองไม่เห็น


ตอนแรกคิดว่า น้องลงไปนอนอยู่ใต้เบาะ พอเปิดประตูไปดูไม่เจอ เลยรีบวิ่งกลับไปที่จุดที่ชนครั้งแรก เห็นกองเสื้อผ้า แต่ไม่เจอตัวลูก จังหวะนั้นกลั้นใจ มองลงไปด้านล่างทางด่วน ก็เห็นลูกชายตกลงไปเสียชีวิตอยู่ด้านล่าง ตกใจมากจนเข่าทรุด


นายอาทิตย์ บอกว่า เพิ่งออกกระบะคันเกิดเหตุเมื่อปลายเดือนมกราคม ยังขับได้ไม่ถึง 1 เดือน ก่อนหน้านี้ ยังไม่เคยมีปัญหา หรือพบความผิดปกติใดๆ ส่วนมากจะขับในระยะใกล้ ไปทำงานระยะทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร และเป็นทางเรียบ ครั้งนี้เพิ่งนำรถคันนี้มาขับทางไกลเป็นครั้งแรกก็มาเกิดเหตุ ยืนยันว่าความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน ไม่ใช่คนขับรถเร็วอยู่แล้ว และที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ขึ้นสะพานด้วย


สาเหตุจะเกิดจากพวงมาลัยรถล็อกเองจริงหรือไม่ ตนยังไม่กล้ายืนยัน ขอให้เป็นเรื่องของคดีความ ส่วนตอนนี้จะขอจัดงานศพลูกชายให้เสร็จก่อน แต่ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่ตนเล่าจริงๆ ซึ่งก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนต่อไป


ทั้งนี้ หากผลออกมาว่า สาเหตุเกิดจากความบกพร่องของรถจริงๆ เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหาย ก็คงต้องปรึกษาทนายความอีกครั้ง ส่วนที่ต้องสูญเสียลูกชาย ทุกคนในครอบครัวก็เสียใจอย่างที่สุด

-------------
ด้านแม่ของเด็กชายวัย 6 ขวบ ได้แต่นั่งมองดูโลงศพ และนั่งกอดกรอบรูปของลูกชายร้องไห้ ปล่อยโฮด้วยความเสียใจ


บอกว่า “ตอนนี้แม่ใจสลาย ยังทำใจไม่ได้ ยังไม่พร้อมพูดอะไร ยังเสียใจพูดอะไรไม่ออก” โดยคุณแม่ได้นำผ้าปูนอนระบุชื่อ “โฟโต้ อ.2/1” และกระเป๋าที่น้องโฟโต้ใช้ไปโรงเรียนเป็นประจำ มาวางไว้ใต้โลงศพ


นอกจากนี้ คุณแม่ได้ลุกไปยืนร้องไห้ปล่อยโฮข้างโลงศพของลูกชาย เอาหน้าแนบชิดกับโลงศพ แล้วพูดว่า “แม่ขอโทษด้วยนะลูก แม่ช่วยอะไรหนูไม่ได้ อย่าทิ้งแม่ไป แม่ไม่อยากจากลูกในสภาพอย่างนี้ เจ็บมั้ยลูก เจ็บมากมั้ย บอกแม่สิลูก” โดยมียายของน้องโฟโต้ เดินเข้าไปโอบกอด แล้วร้องไห้ตามกัน
-------------

ยายของน้องโฟโต้ ก็นั่งร้องไห้ตลอดเวลา คอยปลอบใจลูกสาวตัวเอง เผยกับทีมข่าวว่า


วันที่เกิดเหตุ ลูกสาวจิตใจแย่มาก ตนเองได้แต่ติดตามข่าว ไม่ได้ไปดูจุดเกิดเหตุ วันนี้ลูกสาว ก็ยังอยู่ในอาการเสียใจ เอาแต่ร้องไห้ไปยืนข้างโลง แล้วพูดว่า “แม่ขอโทษนะ แม่ดูแลหนูไม่ดี แม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย มันน่าจะเป็นแม่นะ ที่นอนอยู่ตรงนี้”

-------------

นายชาติชาย อายุ 66 ปี ปู่ของเด็กที่เสียชีวิต ได้ซื้อไอติมซึ่งมีคนมาขายที่หน้าศาลาตั้งศพ นำไอติมไปวางข้างโลงศพของหลานชาย เพราะหลานชอบกินไอติม แล้วเคาะโลงบอกว่า “โฟโต้เอ้ย ปู่ซื้อไอติมมาให้แล้วเด้อลูก มากินเด้อ”


ขณะที่ ‘น้องเลโก้’ วัย 3 ขวบ น้องชายของน้องโฟโต้ ซึ่งอยู่บนรถคันเกิดเหตุด้วย วิ่งเล่นในงานศพ บอกกับปู่ว่า “พี่โต้ไม่ตื่นเลย”


ปู่ของเด็ก บอกว่า วันเกิดเหตุ ตนอยู่ที่ จ.อุดรธานี ลูกชายโทรมาบอกว่า เกิดอุบัติเหตุ น้องโฟโต้เสียแล้ว จึงพากันรีบเดินทางมาจากอุดรธานี ตนเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น ไม่กล้าดูคลิปเหตุการณ์เลย ไม่อยากเห็น รับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ อยากให้มีการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ ยืนยันว่า ตอนเกิดเหตุ ลูกชายไม่มีอาการมึนเมา
-------------

จากกรณี มีการถกเถียงกันในสื่อสังคมออนไลน์ ถึงประเด็นตำถามว่า พวงมาลัยของรถสามารถล็อคได้จริงหรือไม่ หรือมีปัจจัยไหนได้บ้าง ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้


ล่าสุด ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามไปยังหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ คือ คุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานบริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด และ เป็นกูรูด้านรถยนต์ ซึ่งได้ข้อมูลว่า


โอกาสที่จะเกิดอาการ 'พวงมาลัยล็อก' ขณะขับรถนั้นโอกาสแทบจะศูนย์เลยก็ว่าได้ เพราะในทางเทคนิค รถกระบะรุ่นนี้ไม่มีระบบ warning lane change หรือ ระบบช่วยเตือน เมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร ที่จะล็อกพวงมาลัย เมื่อรถวิ่งออกนอกช่องจราจร โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีปัญหาทางเทคนิคจุดนี้


คุณพัฒนเดช ยังระบุอีกว่าว่า ถ้าจะมีโอกาสที่ทำให้พวงมาลัยล็อกได้คือ ผู้ขับบิดกุญแจไปที่ตำแหน่งแอค ACC (เปิดระบบไฟ) พวงมาลัยก็จะเกิดอาการล็อกเอง ซึ่งคนขับก็คงไม่ได้ทำหรอก เพราะในรถคันนี้มาเป็นครอบครัวด้วย ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก


ส่วนประเด็นแบตเตอรี่เสื่อมแบบฉับพลัน จะส่งผลต่อระบบพวงมาลัยไหม ก็ได้คำตอบว่าไม่มีทาง ไม่ได้เกี่ยวกันอย่างสิ้นเชิง


นอกจากนี้ คุณพัฒนเดช ได้ต้องข้อสังเกตถึงปฏิกิริยาทางร่างกายของคนขับรถ ในกรณีอื่นๆ ที่ประสบเหตุก็คือ เวลาขับรถตามปกติ หมาตัดหน้ารถ หรือเด็กวิ่งตัดหน้ารถ คนขับมีโอการตกใจจนช็อกตัวแข็งไปชั่วขณะ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับสมองของคนขับรถ ที่ยังสั่งการให้หักหลบ แต่ร่างกายยังอยู่ในภาวะช็อก จึงไม่ได้หักหลบ จึงอาจจะเป็นที่มาของคำว่า 'พวงมาลัยล็อก' ขณะขับรถ


แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สามารถอธิบายได้ตามเหตุผลของวิทยาศาสตร์คือ รอยยางรถที่อยู่บนถนน ที่จะบ่งบอกข้อมูล


ส่วนประเด็นว่า พวงมาลัยล็อกหรือไม่ ต้องไปดูที่ซากรถ เพราะถ้าใช้กุญแจเสียบแล้วเปิดก็ทราบได้เลยว่าล็อกหรือไม่ เพราะถ้าพวงมาลัยล็อกจริงตามคำบอกเล่า ไม่มีทางที่พวงมาลัยจะคลายล็อกเองได้ ชิ้นส่วนที่ล็อกมันต้องคงอยู่
-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/QgQcIZSwEvQ

คุณอาจสนใจ

Related News