สังคม

ม.5 รับผิดสั่งรุ่นน้องแช่บ่อเกรอะ ม.1 ขอย้ายโรงเรียน ให้โอกาสรุ่นพี่ ไม่อยากให้เสียอนาคต

โดย passamon_a

20 ก.พ. 2566

270 views

รุ่นพี่ ม.5 ยอมรับผิดทำโทษรุ่นน้อง ม.1 สั่งลงไปแช่ในบ่อเกรอะ ยันไม่ได้ตั้งใจทำให้น้องเจ็บ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง เผยวันเกิดเหตุสั่งลงโทษน้อง ม.1-ม.4 กว่า 20 คน ให้ลงแช่บ่อสิ่งปฏิกูลครั้งละ 3 คน กลิ้งไปมา เอาน้ำบ่อเกรอะราด ด้านน้อง ม.1 ขอย้ายโรงเรียน ไม่ติดใจเอาความ ไม่อยากให้รุ่นพี่เสียอนาคต


กรณีพี่น้องชั้น ม.1 อายุ 13 กับ 14 ปี ถูกรุ่นพี่ชั้น ม.5 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ลงโทษให้ลงไปแช่ในบ่อเกรอะ ห้ามล้างตัว แล้วให้ดันพื้น ลุกหมอบ กลิ้งไปมา นำน้ำอุจจาระมาเทราด จนเกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย เหตุเพราะทำความสะอาดหอไม่สะอาด ทางครูหอพักอ้างเด็กสมัครใจ ท้าให้ไปแจ้งความ คุณแม่จึงมาร้องสายไหมต้องรอด


เมื่อวันที่ 19 ก.พ.66 ทีมข่าวลงพื้นที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ ไปดูบ่อเกรอะตามที่รุ่นน้อง ม.1 บอกว่าโดนรุ่นพี่ ม.5 สั่งให้ลงไปแช่ พบว่าเป็นบ่อเล็ก ๆ ก่อด้วยดินอิฐติดกับห้องส้วม ลักษณะเป็นบ่อพักน้ำและสิ่งปฏิกูลที่ไหลออกมาจากห้องส้วม สภาพน้ำดำมีกลิ่นเหม็น บ่อลึกประมาณเกือบครึ่งเอว


โดยห้องส้วมอยู่บริเวณด้านหลังหอพักของรุ่นน้อง ม.1 ทั้งสองคน ข้าง ๆ ห้องส้วมเป็นที่อาบน้ำรวมสำหรับเด็กผู้ชาย จากการสำรวจดูรอบ ๆ พบว่าน้ำจากการอาบน้ำจะไหลลงร่องน้ำที่อยู่ระหว่างจุดอาบน้ำกับห้องส้วม ส่วนน้ำที่ไหลออกมาจากห้องส้วม เมื่อเต็มบ่อพักก็ล้นไหลลงร่องน้ำ การระบายน้ำเสียค่อนข้างมีปัญหา น้ำขังเน่าเหม็น สภาพน้ำเป็นสีดำ


ขณะที่ ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด ได้พาคุณแม่และเด็กนักเรียนชั้น ม.1 ผู้เสียหายทั้ง 2 คน เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี แต่ไม่ได้มีการลงบันทึกประจำวันหรือแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด


จากนั้นคุณแม่ได้พาลูกชายทั้ง 2 คน เดินทางไปยังโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จ.เพชรบุรี เพื่อพูดคุยกับทางโรงเรียน ครูประจำหอพัก รุ่นพี่ชั้น ม.5 และอาของนักเรียนชั้น ม.5 ซึ่งก็มีหลายหน่วยงานมานั่งร่วมพูดคุยด้วย


ในการพูดคุย นางสิริณิกุญช์ เพ็ชร์สุกใส ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 บอกว่า ส่วนตัวได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจากทางแม่ของนักเรียนที่บาดเจ็บ ในวันที่ 6 ก.พ. จากนั้นวันที่ 7 ก.พ. ทางโรงเรียน ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนครูในโรงเรียนที่อยู่ในวันเกิดเหตุร่วมกับนักเรียนที่ก่อเหตุ กระทั่งรุ่นพี่ชั้น ม.5 ที่เป็นคนก่อเหตุ ยอมรับว่าได้ทำโทษนักเรียนรุ่นน้องจริง


หลังจากนั้นทางโรงเรียนก็ได้มีการนัดหมายให้แม่ของนักเรียนที่บาดเจ็บเข้ามาพูดคุยกัน แต่เวลามันไม่ตรงกัน จึงทำให้เกิดการเลื่อนนัดกันเกิดขึ้น ทางแม่ก็ได้ไปร้องเรียนกับทางเพจสายไหมต้องรอด ทางโรงเรียนขอยืนยันว่า ไม่เคยบ่ายเบี่ยงการรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ทีมข่าวได้คุยกับรุ่นพี่ชั้น ม.5 อายุ 17 ปี เผยว่า คืนวันที่ 10 ม.ค.66 ตนเองเห็นหอพักเละ ไม่มีระเบียบ กระทั่ง 6 โมงเช้า ของวันที่ 11 ม.ค.66 ตนยอมรับว่าได้สั่งลงโทษรุ่นน้องจริง ซึ่งมีรุ่นน้องตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.4 รวมประมาณ 20 คน ให้ลงทีละ 3 คน ซึ่งก่อนจะลงโทษได้บอกรุ่นน้องว่าหากใครมีแผลตามลำตัวให้แยกออกมา ส่วนรุ่นน้องชั้น ม.1 ผู้เสียหายทั้ง 2 คน ก็ไม่ได้แยกออกมาก


จากนั้นตนเองเป็นรุ่นพี่ชั้น ม.5 เพียงคนเดียว ที่สั่งลงโทษรุ่นน้องทั้งหมด โดยให้ลุงไปแช่ในบ่อเกรอะ ซึ่งเป็นบ่อพักน้ำที่ไหลออกมาจากห้องส้วม ไม่ใช่บ่ออุจจาระ โดยสั่งให้แช่บ่อเกรอะด้วยการนั่งในบ่อ ให้น้ำในบ่ออยู่ระดับบ่า ไม่ได้ให้แช่นาน ทำเพียง 3-4 วินาที จากนั้นก็สั่งรุ่นน้องขึ้นจากบ่อ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา ตักน้ำในบ่อเกรอะราดใส่ตัว แล้วปล่อยไปอาบน้ำ ขณะนั้นคิดไม่ถึงว่าจะกันเรื่องแบบนี้ขึ้น


สาเหตุที่ลงโทษให้ลงบ่อเกรอะ เพราะคิดได้อย่างนั้นไม่รู้จะลงโทษยังไง ตนคิดเองทำเอง ไม่ปรึกษาครูหอและไม่มีใครสั่งให้ทำ รุ่นน้องใหญ่สมัครลงไปในบ่อเกรอะ ซึ่งตนพูดย้ำแล้วใครไม่ไหวให้แยกออก โดยให้ทำท่าเตรียมรอคล้ายท่าวิดพื้น


"ผมทนดูหอเละไม่ได้ ต้องมีลงโทษกันบ้าง ที่ผ่านมาตนไม่เคยลงโทษรุ่นน้องให้ลงไปในแช่ในบ่อเกรอะ แต่จะเป็นการลงโทษแบบอื่น เช่น ให้ถางหญ้า ขัดหอ ขอโทษที่ลงโทษผิดวิธี ไม่ได้มีเจตนาจะแกล้ง ไม่ได้ตั้งใจทำให้น้องเจ็บ อยากให้หอมีระเบียบมากขึ้น รู้สึกผิดทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง"


นางสาวนารีรัตน์ อายุ 38 ปี อาของนักเรียนชั้น ม.5 บอกว่า หลานเป็นเด็กมีปัญหา เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ทางครอบครัวต้องส่งมาเรียนโรงเรียนประจำ เข้าใจว่าการอาศัยอยู่รวมกันในโรงเรียนประจำมันก็อาจจะทำให้หลานเกิดความเครียด ทางครอบครัวไม่เคยสอนให้เป็นเด็กก้าวร้าว ใช้ความรุนแรงกับคนอื่น หลังเกิดเหตุหลานไม่ได้มาบอกหรือปรึกษาอะไรกับสิ่งที่ทำลงไป อยากจะมาขอโทษผู้ปกครองและน้องที่บาดเจ็บจากใจจริง


ขณะเดียวกันหลังคุณอาของนักเรียนชั้น ม.5 ได้ขอโทษผู้ปกครองน้อง ม.1 เรียบร้อย บรรยากาศก็เหมือนจะไม่จบ เนื่องจากแม่ของน้อง ม.1 รับคำขอโทษ แต่ยืนยันจะดำเนินคดี เพราะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยอธิบายว่า ลูกชายไม่ได้ถูกกระทำแค่คนเดียว ที่ผ่านมาเคยโดนลงโทษมาแล้วหลายครั้ง จึงอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคดีตัวอย่างให้โรงเรียนประจำที่อื่น ดูแลนักเรียนให้ดีกว่านี้


หลังจากนั้นทางตำรวจและผู้อำนวยการโรงเรียน ขออนุญาตสื่อเชิญผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย และนักเรียนทั้ง 3 คน ปิดห้องส่วนตัวคุย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด เพราะการพูดคุย ทางผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปร่วมฟังด้วย


ครูเบิร์ด อายุ 35 ปี ครูประจำหอพัก ยืนยันว่า โรงเรียนไม่ได้มีมาตรการให้รุ่นพี่ลงโทษรุ่นน้อง เพราะทางโรงเรียนมีแนวทางในการลงโทษอยู่แล้ว ซึ่งการลงโทษจะให้บำเพ็ญประโยชน์ เช่น ให้นักเรียนตัดหญ้า, ทำความสะอาด หนักสุดก็แค่ให้วิ่งหรือทำท่าลุกนั่งตามกฎของโรงเรียนเท่านั้น ยอมรับว่าตนเองเป็นครูประจำหอพักทำงานหนัก อาจดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง ซึ่งวันนั้นหากตนไม่นั่งทำเอกสารอยู่ห้องพักด้านบนคงไม่เกิดเหตุการณ์นี้


ประเด็นที่ตนถ่ายคลิปนักเรียนที่ถูกลงโทษ แล้วให้พูดทำนองว่าสมัครใจให้รุ่นพี่ลงโทษเอง แล้วส่งให้ผู้ปกครอง ครูเบิร์ด ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาเข้าข้างรุ่นพี่ ม.5 เพียงแค่อยากให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าทำไมนักเรียนถึงโดนลงโทษ และไม่เคยท้าทายให้ผู้ปกครองไปแจ้งตำรวจ ที่ผ่านมาก็เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองเข้ามาพูดคุยที่โรงเรียนกับทางผู้อำนวยการแล้วหลายครั้ง


"เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนได้ทำเรื่องขอผู้อำนวยการถอนตัวการเป็นครูหอแล้ว เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ตัวเองบั่นทอนจิตใจ ขอโทษสังคมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันครูทุกคนในโรงเรียนหรือนักเรียนรุ่นพี่ที่จบไปก่อนหน้านี้ ไม่เคยสั่งสอนให้นักเรียนทำโทษรุ่นน้องเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"


ท้ายที่สุด เวลา 17.30 น. หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย ออกมาจากห้องผู้อำนวยการโรงเรียน แม่นักเรียนชั้น ม.1 ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในการพูดคุยจบลงด้วยดี เนื่องจากลูกชายทั้ง 2 คน อยากจะให้โอกาสรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ ได้เรียนหนังสือต่อ ไม่อยากให้รุ่นพี่ต้องมีคดีความติดตัว ซึ่งตัวแม่เองก็เคารพการตัดสินใจของลูกชายทั้ง 2 คน แต่ยังคงยืนยันจะให้ลูกชายย้ายโรงเรียนไปเรียนที่อื่น เพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจของลูก ถ้าครูประจำหอพักพูดจาดีตั้งแต่แรกคงไม่ร้องเรียน


ด้านรุ่นน้องชั้น ม.1 เปิดเผยว่า รุ่นพี่ ม.5 ได้เข้ามาพูดคุยสำนึกยอมรับผิดและขอโทษน้องกับตน ตนจึงให้โอกาสรุ่นพี่ในการแก้ตัว เนื่องจากเห็นว่าหากเป็นคดีความ รุ่นพี่อาจจะเสียอนาคตทางการศึกษา และโรงเรียนอาจจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติม ตนจึงพูดคุยกับพี่ชายและแม่ ตัดสินใจไม่ดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งนี้ตนไม่อยากจะเรียนต่อที่สถานศึกษาแห่งนี้ต่อไปอีก และได้ขอให้แม่พาไปศึกษาต่อในสถานศึกษาอื่นแล้ว


ขณะที่ นางสิริณิกุญช์ เพ็ชร์สุกใส ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 กล่าวว่า คณะครูอาจจะดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หลังจากนี้จะมีการประชุมกับคณะครูเรื่องมาตรการในการสอดส่องดูแล รวมถึงชี้แจงกับนักเรียนทุกคนให้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติ


ตนอยากขอบคุณ เด็กทั้ง 2 คนและครอบครัว ที่ให้โอกาสรุ่นพี่ได้ศึกษาต่อ เพราะรุ่นพี่ ม.5 ก็เป็นเด็กด้อยโอกาส ซึ่งถือว่ารุ่นพี่ ม.5 จะได้รับบทเรียนครั้งใหญ่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนสัญญาว่าจะทำหน้าที่ในฐานะเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ดีกว่านี้ ยืนยันว่าโรงเรียนไม่มีมาตรการให้รุ่นพี่ลงโทษรุ่นน้อง รวมถึงไม่มีวัฒนธรรมในการรับน้องลงโทษโหดแบบนี้


ส่วนประเด็นบ่อเกรอะในโรงเรียน นางสิริณิกุญช์ บอกว่า เป็นบ่อพักน้ำเสีย ซึ่งสิ่งปฏิกูลในห้องก็จะไหลลงไปรวมในบ่อ ยอมรับว่า ห้องน้ำเป็นแบบเก่าทำให้ฝากบ่อชำรุดไปบ้าง ยืนยันเหตุที่เกิดขึ้นรุ่นพี่ลงโทษรุ่นน้องกันเอง ทางโรงเรียนไม่รู้เห็น


สำหรับหอพักในโรงเรียนมีทั้งหมด 16 หลัง (แยกชายหญิง) แต่ละหลังมีเด็กประมาณ 30 คน มีครูหอคอยดูแลหลังละ 1 คน ดูแลเหมือนพ่อแม่ 24 ชั่วโมง ผอ.ยอมรับว่าบางครั้งมันก็พลาด ก็จะเอาความผิดพลาดนี้มาเป็นอุทาหรณ์ในการบริหารสำหรับโรงเรียนประจำ



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7zkke0e6pKA


คุณอาจสนใจ

Related News