สังคม

แม่ไม่ยอม! ลูกม.1 ถูกบูลลีรุนแรงจนป่วยซึมเศร้า ซ้ำครูไม่สนใจ ลั่นถ้าไม่พอใจให้เขียนใบลาออก

โดย paranee_s

19 ก.พ. 2566

556 views

วันนี้ (19 ก.พ.66) เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบกับ น.ส.ศิริรัตน์ อายุ 36 ปี แม่ของน้องส้ม (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขต อ.เมือง จ.ระยอง เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 ลูกถูกเพื่อนที่โณงเรียนแกล้ง ทำลายทรัพสินย์ เอาคัตเตอร์กรีดสมุดจนขาด จนอาการป่วยกำเริบและครูได้พาน้องส่งรักษายัง รพ.ระยอง


จากนั้น แม่เด็กม.1 ไปเอากระเป๋าของน้องที่โรงเรียน พอมาเปิดดูจึงรู้ว่าทรัพย์สินในกระเป๋าถูกทำลาย สมุดสุดรักของลูกถูกคัตเตอร์กรีดจนขาด ปากกาถูกทุบจนหมึกเลอะเทอะ จึงพยายามถามครูว่าเกิดเหตุการณ์ได้อย่างไร แต่ครูอ้างว่าได้จัดการเรื่องนี้แล้ว เรียกเด็กทั้งห้องมาถาม แต่ไม่มีใครยอมรับและหาตัวคนทำไม่ได้ จึงถามครูกลับไปว่าแล้วจบแค่นี้หรอ ครูตอบว่าแล้วจะเอายังไง ถ้าไม่พอใจก็มาลาออกไป หรือย้ายไปเรียนที่อื่น


โดยแม่ของน้องส้ม มองว่า ทำไมครูปล่อยผ่านง่ายๆ เมื่อมีการทำผิด ก็ต้องทำให้เด็กรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด แล้วแบบนี้จะไปสอนเด็กให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่มีคุณภาพได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องเล็กๆ ยังแยกไม่ได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก


แม่ได้เอาหลักฐาน สมุดที่ถูกคัตเตอร์กรีด ปากกาที่เลอะหมึกมาให้ดู พร้อมทั้งยังเอาใบรับรองแพทย์ และยาที่น้องกินมาให้ดูยืนยันว่าน้องป่วยจริง เข้าโรงพยาบาลจริงจากอาการป่วยซึมเศร้าจริง


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว พบว่าช่วงอยู่โรงเรียน น้องส้มโดนเพื่อนบูลลี เวลาเข้าห้องน้ำก็โดนสาดน้ำใส่ โดนล้อเลียนในโซเชียล ล่าสุดคือ สมุดสุดรักที่เป็นของขวัญวันเกิด ถูกกรีดจนขาด


ซึ่งน้องได้แจ้งให้ครูทราบตลอด แต่ครูก็ไม่จัดการอะไรเลย หนำซ้ำ ยังบอกว่าถ้าเรียนที่นี่ไม่ได้ก็เชิญลาออกไป หรือย้ายไปเรียนที่อื่น ซึ่งคำพูดนี้มันกระทบกระเทือนจิตใจจนเก็บมาคิดมาก และไม่อยากที่จะไปโรงเรียน


สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น แม่ของน้องส้มเปิดใจว่า ไม่ได้อยากมีปัญหากับโรงเรียนเลย แต่เมื่อมันเกิดเรื่องแล้วก็ต้องจัดการ แม่น้องส้มยังยกตัวอย่าง ถ้าลูกเราไปทำลายทรัพย์สินของเพื่อนในฐานะที่เราเป็นแม่เราก็ต้องแสดงตัวรับผิดชอบเพราะลูกเราทำ ก็ไม่เข้าใจทำไมครูถึงปล่อยผ่านไปแบบนี้


อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนเองไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ เตรียมที่จะไปแจ้งความที่ลูกถูกทำลายทรัพย์สินเพื่อดำเนินคดีกับผู้ทำกระทำผิดต่อไป


รวมถึงฝากไปยัง รมต.กระทรวงศึกษา ฯ เร่งตรวจสอบด้วยว่าคำพูดเหล่านี้ควรจะออกมาจากปาก ครู ได้อย่างไรและจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อคัดกรองครูดีๆมีคุณภาพมาสอนเด็กๆ

คุณอาจสนใจ

Related News