สังคม

ฝุ่นภาคเหนือยังสาหัส 'บิ๊กตู่' สั่งยกระดับการแก้ปัญหา เพิ่มความถี่ในการเฝ้าระวังไฟป่า

โดย nattachat_c

17 ก.พ. 2566

114 views

วันนี้ (17 ก.พ. 66) ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM2.5 มากที่สุด 10 อันดับแรก ของประเทศไทย เมื่อเวลา 06.00 น. มีดังนี้


1. สมุทรสงคราม, จังหวัดสมุทรสงคราม 173

2. บางคนที, จังหวัดสมุทรสงคราม 162

3. Phu Phiang, จังหวัดน่าน 161

4. น่าน, จังหวัดน่าน 158 

5. หนองบัวลำภู, จังหวัดหนองบัวลำภู 154

6. กำแพงเพชร, จังหวัดกำแพงเพชร 153 

7. สุโขทัย, จังหวัดสุโขทัย 153

8. โพธาราม, จังหวัดราชบุรี 152

9. Thung Chang, จังหวัดน่าน 151

10. แพร่, จังหวัดแพร่ 149

-----------
ด้าน คุณภาพอากาศในกรุงเทพมหานครอยู่ในระดับปานกลาง

โดยมีดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM2.5 อยู่ที่ 80 (เวลา 06.00 น.)

-----------

วานนี้ (16 ก.พ. 66) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แถลงข่าว "การยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ"


กล่าวว่า ปีนี้สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ภาคเหนือ PM2.5 มีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเริ่มเกินค่ามาตรฐานตั้งแต่เดือน ม.ค. - ปัจจุบัน (16 ก.พ.) โดยพบค่าสูงสุดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน ตามลำดับ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และจากรายงานข้อมูลของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA พบสัดส่วนจุดความร้อนสะสมพื้นที่ป่าร้อยละ 77 พื้นที่เกษตร ร้อยละ 18 และพื้นที่เมือง ร้อยละ 5


นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งกำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน จากการเผาในที่โล่ง จึงมีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกระดับการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือ


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรียกประชุม 17 จังหวัด และหน่วยงานภายใต้สังกัด ทส. ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ เพื่อยกระดับการแก้ไขสถานการณ์หมอกควันไฟป่าภาคเหนือ กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการ ประกอบด้วย

1. ยกระดับการทำงานให้เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา ให้กระทำด้วยความชัดเจน กระชับ ฉับไว ต้องทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน


2. เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในพื้นที่ป่าซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่พิจารณาปิดการเข้าพื้นที่ที่กำลังเป็นปัญหาและพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยต้องหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนดำเนินการ และประกาศให้พี่น้องประชาชนทราบ ไม่ให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติ


ทั้งนี้ อส. ได้ดำเนินการปิดอุทยานฯ 8 แห่ง (ยกเว้นส่วนให้บริการ) ดังนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย อุทยานแห่งชาติผาแดง อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติออบหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น


3. ให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัด ทส. โดยเฉพาะ ทสจ. ประสานงาน บูรณาการ และให้การสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดอย่างเต็มที่ ให้เพิ่มความถี่ในการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน จัดการแถลงข่าวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ช่วงสถานการณ์วิกฤตให้แถลงข่าวทุกวัน โดยเฉพาะการให้คำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ มีการให้บริการห้องปลอดฝุ่นกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง


ทั้งนี้ ปลัด ทส. ยังได้กำชับให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า ภาคเหนือ) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประสานงานกับทุกหน่วยงาน ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟโดยเร็วที่สุด ให้ดำเนินการอย่างเต็มกำลังเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด และจะเข้มงวดติดตามและประเมินสถานการณ์ภายใน 3 วัน
-------------


คุณอาจสนใจ

Related News