สังคม
สาวร่ำไห้โทรขอเจ้าอาวาสช่วย ป่วยโรคร้ายแรงวอนเผาร่างให้ฟรี
โดย taweelap_b
13 ก.พ. 2566
5.6K views
จากกรณีเพจวัดราษฎร์ประคองธรรม ได้โพสต์คลิปบทสนทนากับหญิงสาวรายหนึ่งที่โทรเข้ามาขอความเมตตาให้ช่วยทำศพให้ในยามเสียชีวิต โดยมีข้อความโพสต์ระบุว่า “#ฟังแล้วน้ำตาซึม #ช่วยทำศพให้หนูค่ะ มีผู้ป่วยจากโรคร้าย โทรมาขอคำสัญญา ว่าถ้าตัวเขาเสียชีวิตไป ขอให้หลวงพ่อมาช่วยรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฎร์ประคองธรรม เพราะไม่มีเงิน และไม่อยากให้ครอบครัวต้องเป็นหนี้สิน ด้วยความลำบากของชีวิต บางวันก็มีแรงออกไปรับจ้าง วันไหนไม่ไหวก็ต้องล้มตัวลงนอน เป็นห่วงแต่ลูกๆ ที่จะต้องรับใช้หนี้ของงานศพแม่ โชคชะตาช่างโหดร้าย กับครอบครัวนี้เหลือเกิน
#วัดราษฎร์ประคองธรรม ขอสัญญาว่าถ้าวันนั้นมาถึงทางวัดจะไปช่วยเหลือทันที นี่คือโครงการบ้านหลังสุดท้ายที่ญาติโยมได้ร่วมกันสร้างมา เข้า 8 ปีแล้วที่พวกเราได้ร่วมช่วยเหลือผู้เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ศพ แม้ในบางครั้งก็มีปัจจัยไม่พอในการช่วยเหลือ ก็ต้องขอให้คุณโยมให้ช่วยบ้าง แต่ถ้าทางวัดพอมีก็ไม่รบกวน ขอให้ญาติโยมทุกท่านจงช่วยประคับประคองโครงการบ้านหลังสุดท้าย ของวัดราษฎร์ประคองธรรม ให้ยืนยงและอยู่เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ลำบากในวันสุดท้ายของชีวิต ขอเจริญพรขอบคุณทุกท่าน พระครูกิตติวิริยาภรณ์ ดร. เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ #วัดราษฎร์ประคองธรรม #มูลนิธิสยามนนทบุรี #โครงการบ้านหลังสุดท้าย กองทุนค่าทำศพ ค่าน้ำมัน ค่าโลงศพ หากท่านพอช่วยได้ ก็สามารถร่วมบุญผ่านทางบัญชีเติมบุญของวัดราษฎร์ประคองธรรม 020 156 779 041 ธนาคารออมสิน”
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 12 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว พบพระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า อาจารย์ทำโครงการบ้านหลังสุดท้ายมาตั้งแต่ปี 54 ช่วยเหลือสงเคราะห์ศพไร้ญาติ ศพไร้ทรัพย์ ทำมาตลอด
โยมโทรมา เราจะส่งลูกศิษย์คือไวยาวัจกรวัดไปปฏิบัติ ซึ่งวัดร่วมทำกับมูลนิธิสยามนนท์ด้วยกันมา โดยเฉพาะในช่วงปี 64-65 ซึ่งบุคลากรของวัดมี 2 ชุด ชุดหนึ่งจะดูแลผู้ป่วยติดเตียง ส่วนอีกชุดจะรับ-ส่งศพ รับศพมาเผาที่วัด กรณีตายที่บ้าน เราจะไปรับที่บ้านมา กรณีตายที่โรงพยาบาล ก็จะไปรับศพมาเผาที่วัด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
วัดมีโลง ผ้าห่อศพ น้ำมันเผาศพที่ญาติโยมได้ร่วมบริจาคให้กับทางวัดแล้ว ซึ่งทางวัดมีความช่วยเหลือมาโดยตลอดส่วนมากคนจะมาขอข้าวสารอาหารแห้ง อาจารย์จะเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงตลอดทั้งปี หากไม่ไปเยี่ยมเองก็ให้รพ.สต.ไป หรือให้อสม.ไปเยี่ยม และไวยาวัจกรวัดไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยพิการ
ซึ่งทางวัดอยากได้ข้าวสาร เพราะที่วัดมีคนมาขอข้าวสารไปทานตลอด ทางวัดจะแจกข้าวสารเป็นที่รู้กัน ใครไม่มีข้าวสารมาขอได้ที่วัดราษฎร์ประคองธรรมได้เลย มาแล้วต้องได้ติดมือไป
พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เล่าว่า มีโยมคนหนึ่งบ้านอยู่จ.สมุทรปราการ โทรมาเบอร์ที่วัด ซึ่งเป็นเบอร์ของลูกศิษย์คนขับรถ กับไวยาวัจกรของวัดที่เป็นผู้ประสานงาน เขาโทรมาบอกว่าไม่ไหวแล้ว เขามีอาชีพกวาดถนน ลำบากต้องเช่าบ้านอยู่ ตอนนี้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ขอฝากกับอาจารย์ว่าถ้าเกิดเขาตายขอให้มูลนิธิสยามนนท์ กับวัดราษฎร์ประคองธรรมไปรับเขามาเผาที่วัดได้ไหม มาทำพิธีทางพุทธศาสนา ทางวัดจะสวดและเผาให้ได้มั้ย
อาจารย์บอกว่าได้ เพราะเราทำมาตลอดอยู่แล้ว บ้านเขาจน เขาไม่อยากให้สามี ลูก ต้องไปเป็นหนี้สิน เพราะทุกที่มีค่าใช้จ่าย อาจารย์ฟังเขาพูดแล้วน้ำตาจะไหล คนเราเขาสั่งเสียไว้เพราะกำลังจะตาย ขอร้องให้เราไปช่วย เขาลำบาก
ซึ่งตอนแรกอาจารย์ตั้งใจว่าวันนี้จะไปเยี่ยม แต่เขาบอกอย่าเพิ่งมา วันนี้ไม่ไหว ขอให้ร่างกายดีกว่านี้ก่อนค่อยไปเยี่ยม
ด้านนายไพรัช ไวยาวัจกรวัดราษฎร์ประคองธรรม กล่าวว่า ตนเป็นคนโทรกลับไปหาหญิงสาวคนดังกล่าว เพราะเขาโทรเข้ามาเป็นเบอร์ของเจ้าหน้าที่อีกคนที่ขับรถอยู่ ซึ่งปกติเขาจะเป็นคนรับเรื่อง แต่วันนั้นเขาขับรถจึงให้ตนประสานงานแทน
เมื่อตนโทรกลับ ก็มีเสียงตามคลิปที่ว่า “สวัสดีครับ วัดราษฎร์ประคองธรรม มีอะไรให้เราช่วยมั้ยครับ” ประโยคนี้เป็นประโยคที่ตนจะพูดตลอดเมื่อรับสาย เพราะส่วนใหญ่คนที่โทรเข้ามาเขาต้องการความช่วยเหลือ ตนจะถามแบบนี้ทุกครั้งเป็นปกติเลย สิ่งที่สำคัญคือมันไม่ได้จงใจสร้างขึ้นมา เป็นการรับสาย หรือโทรออกทุกวันเวลามีการขอความช่วยเหลือ
ซึ่งตามในคลิปพี่ผู้หญิงเขาถามว่า ถ้าเขาเสียชีวิตลงทางวัดจะช่วยเขาได้ไหม จะไปรับศพและมาทำพิธีได้ไหม เพราะเขาเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ห่วงสามีและลูกจะต้องเป็นหนี้ในการทำศพให้เขา ตนฟังแล้วอึ้ง ทั้งที่ทำเรื่องนี้มาตลอดหลายปี แต่ฟังเสียงเคสนี้แล้วมันจี้ดเข้าไปในหัวใจเหมือนที่ทุกคนฟัง
ตนจึงตอบกลับว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง เพราะเขาห่วงที่ญาติต้องเดินทาง ตนบอกไม่ต้องห่วง จะจัดรถไปรับและส่งญาติกลับบ้านให้ เพื่อให้พี่ผู้หญิงเขาสบายใจ ไม่ต้องเสียเงินในการทำศพ โดยน้ำเสียงที่เขาพูด เหมือนเสียงกำแพงถล่ม กำแพงที่เขากั้นไว้ระหว่างเขากับโลกภายนอก ซึ่งเขามองว่าข้างหน้าเขาคือกำแพง แต่พอตนพูดว่า “ผมสัญญา” เหมือนพี่ผู้หญิงทลายกำแพงลง และได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
นายไพรัช เล่าว่า ที่วัดราษฎร์ประคองธรรม และพระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่านใจดี รับช่วยเหลือเหมือนทุกเคส และเคสนี้หลวงพ่อท่านฟังเสียงแล้วสะเทือนใจมาก เพราะเขาเป็นโรคร้าย ซึ่งตนไม่ถามเขามาก แต่เขาน่าจะรู้ตัวดีว่าเป็นโรคอะไร ตนคุยกับเขาแล้วรู้สึกพลังเขาน้อย น่าจะใช้คำพูดได้อีกแค่ไม่กี่ครั้งก่อนวันที่เขาจะไป ซึ่งหลวงพ่อท่านจะจัดปัจจัยไปช่วยบางส่วน และเรื่องของข้าวปลาอาหารแห้ง ของใช้จำเป็นที่ต้องใช้
โดยพี่ผู้หญิงเขา ยังบอกว่า ถ้าวันไหนมีแรงจะออกไปรับจ้างทำงาน วันไหนไม่มีแรงต้องกลับมานอน เขาเห็นความลำบากครอบครัว ต้องกินใช้จ่ายอย่างไรในแต่ละวัน ตนสงสารเขาจะติดต่อเขาไป และนำความช่วยเหลือจากพระครูกิตติวิริยาภรณ์ เอาไปมอบให้เขา ซึ่งเราได้น้ำใจมากับญาติโยมที่ร่วมบุญกับโครงการบ้านหลังสุดท้ายวัดราษฎร์ประคองธรรม เรารวมตรงนี้เอาน้ำใจใส่ถุงไปช่วยเขา
ทางหลวงพ่อได้เมตตาเรื่องข้าวปลาอาหาร ปัจจัย 4 เห็นว่าวัดขาดข้าวสาร ส่วนในโครงการบ้านหลังสุดท้ายยังขาดในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงไปเผาศพ ซึ่งทางวัดยังนำปัจจัยของวัดรวมไปซื้อน้ำมันมาเผาศพก่อน และวันนี้มีเคสหนักอีกหลายเคสต้องใช้น้ำมันเยอะทุกวัน ต้องจัดซื้อเข้ามา