สังคม

‘ตรีนุช’ สั่งสอบ ผอ.-ครูกล้อนผม นร.ชี้ไม่ถูกต้อง - ‘วิโรจน์’ เดือด ไล่ส่องกระจกหาความเป็นครู

โดย petchpawee_k

9 ก.พ. 2566

1.6K views

‘ตรีนุช’ สั่งสอบ ผอ.-ครู รร.บึงสามพัน กล้อนผมนักเรียนชายระหว่างเข้าแถวหน้าเสาธง ชี้ ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม ย้ำ แนวทางการลงโทษตามระเบียบมีเพียง 4 ข้อเท่านั้น  ด้าน อ.สมพงษ์ ชี้ ผอ.-ครู อาจผิดนโยบายกระทรวง เร่งออกกฎระเบียบ 

วานนี้ (วันที่ 8 ก.พ.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ได้เห็นคลิปครูกล้อนผมนักเรียนระหว่างเข้าแถว ที่กำลังเป็นที่วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์แล้ว ยอมรับว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา และเตรียมยกร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมนักเรียนของสถานศึกษา


ซึ่งการไว้ทรงผมของนักเรียนจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามข้อตกลงร่วมกัน (พันธกิจ) ความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนการลงโทษนักเรียน จากระเบียบทรงผมก็เป็นอีกเรื่อง แต่การกล้อนผม เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม


สำหรับแนวทางการลงโทษนักเรียนตามระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2548 มีเพียง 4 อย่างเท่านั้น ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน /ทำทัณฑ์บน /ตัดคะแนนประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


ดังนั้น การกระทำของครูชาย แม้จะได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว แต่ขัดกับแนวทางการลงโทษนักเรียน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


คุณตรีนุช บอกว่า ได้สั่งการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในการกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียนและครูชาย หากพบว่า ไม่ถูกต้อง ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป


ด้านศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นกรณีครูตัดนักเรียนที่โรงเรียนเพชรบูรณ์ว่า การกล้อนผมในเคสนี้รุนแรงเกินกว่าเหตุและไม่น่าเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นการใช้อำนาจนิยม และละเมิดสิทธิเด็กในช่วงที่เกิดสูญญากาศของระเบียบส่วนกลางยังไม่เกิดขึ้น รวมไปถึงระเบียบในสถานศึกษายังไม่มีการทำประชาพิจารณ์ในคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่วนกลางเร่งดำเนินการและควรวางบทลงโทษที่ชัดเจนกว่านี้


ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้สั่งให้ครูตัดผมนักเรียนนั้น อ.สมพงศ์ ตอบว่า ถือว่าผู้อำนวยการทำผิดตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ซึ่งระบุชัดเจนว่าเรื่องทรงผมต้องยืดหยุ่น หากยังไม่มีกฎและทำประชาพิจารณ์คนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าสภานักเรียน นักเรียน ทั้งนี้อยู่ที่ดุลพินิจว่ากระทรวงจะลงโทษหรือกำชับอย่างไร


ทั้งนี้ส่วนนึงมาจากการเกิดสูญญากาศ หลังยกเลิกร่างระเบียบส่วนกลางเมื่อปี 2563 ซึ่งควรเร่งร่างระเบียบส่วนกลางใหม่ให้เกิดขึ้น และการกระจายอำนาจลงไปสู่สถานศึกษา เพื่อให้กติกาต้องเกิดขึ้นและสอดรับซึ่งกันและกัน บนหลักการสำคัญ 3 ประการ 1. การกระอำนาจมีส่วนร่วมและรับผิดชอบ 2.ต้องยึดความเป็นไทยและสากลร่วมกัน ลดการใช้อำนาจนิยมลง เคารพสิทธิ พัฒนาการเด็ก เป็นสิ่งสำคัญ 3.ต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย มีความสุข ฝึกฝนให้เด็กอยู่ร่วมกันในแบบประชาธิปไตย และลดการใช้ดุลพินิจของสถานศึกษาโดยเฉพาะอาจารย์ ซึ่งเป็นส่งเสริมอำนาจนิยาม


ขณะเดียวกัน อ.สมพงษ์ ยังเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการ แก้ไขกฎระเบียบ เนื่องจากกฎที่มีมากเกินไป แล้วไปกดทับการศึกษา พัฒนา และการมีส่วนร่วมของเด็กนักเรียนซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้อยากให้สังคายนากฎระเบียบในกระทรวง หากทำได้จะพบว่านักเรียนและการศึกษาไทยจะเจริญและงอกงาม


ด้าน  นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ออกมาให้ความเห็นถึงกรณีนี้ว่าหากดูจากคลิปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความจงใจในการกล้อนผม ตีตราประจานให้นักเรียนรู้สึกอับอาย การใช้อำนาจนิยมในการกดขี่ ให้นักเรียนยอมสยบต่ออำนาจที่ไม่ชอบธรรม และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของนักเรียนอย่างชัดเจน


ส่วนการชี้แจงของผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูทุกคนดังกล่าวก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น หากต้องการช่วยเหลือนักเรียนให้ประหยัดค่าตัดผมจริง ควรมีการเปิดห้องบริการให้นักเรียนลงชื่อ ด้วยความสมัครใจเพื่อเข้ารับบริการตัดผม ซึ่งการกระทำของครูดังกล่าว อาจเข้าข่าย ผิดระเบียบจรรยาบรรณครู และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ


นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียนและครูคนดังกล่าวรู้อยู่แล้วว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผิด แต่กลับไม่มีศักดิ์ศรีกล้ายอมรับความจริง แล้วจะกล้าสอนเด็กได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การศึกษาไปไม่ถึงไหน เพราะโรงเรียนไม่เป็นพื้นที่ปลอดภัย ยังมีการบลูลี่ และการกดขี่ ซึ่งเป็นการตัวถ่วงความเจริญของการศึกษาไทย ทำให้การศึกษาไทยล้าหลัง


นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ขอให้ครูที่ทำกลับไปย้อนคิดถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ ดูประกอบวิชาชีพของครู แล้วส่องกระจกดูตัวเองว่ายังสมควรเป็นครูอยู่หรือไม่


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/VUBgvBHF9E4

คุณอาจสนใจ

Related News