สังคม

สรุปปฏิบัติการ 17 ชม. ช่วยเด็กหญิงพม่า ตกท่อลึก - ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 'น้องสร้อยเพชร'

โดย nattachat_c

8 ก.พ. 2566

259 views

ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ 17 ชั่วโมงแห่งการช่วยชีวิต น้องตะแซโมย หนูน้อยเมียนมา วัย 1 ขวบ 7 เดือน พลัดตกหลุมขุดเจาะท่อบาดาล ลึก 15 เมตร กู้ภัยใช้เชือดรัดตัวดึงร่างน้องขึ้นมา ท่ามกลางเสียงดีใจของพ่อแม่ ก้มขอบคุณคนไทยทั้งน้ำตา นายอำเภอพบพระ ยันเด็กยังอยู่ในห้อง ICU อาการปลอดภัย 100% แขนขาปกติดี ไม่บาดเจ็บ


จากกรณี เด็กน้อยชาวเมียนมาวัย 1 ขวบ 7 เดือน ที่ตกลงไปในหลุมขุดเจาะน้ำบาดาลที่มีขนาดความกว้างเพียง 30 เซนติเมตร และมีความลึกกว่า 15 เมตร เหตุเกิดในพื้นที่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา 


เมื่อวานนี้ (7 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือ นำตัวเด็กหญิงคนดังกล่าวขึ้นมาได้สำเร็จ โดยใช้เวลารวมทั้งสิ้น 17 ชั่วโมง


โดยมีภาพนาทีชีวิต ขณะที่หลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงชาวเมียนมา ที่ชื่อ ตะแซโมย อายุ 1 ปี 7 เดือน ซึ่งการช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้รถขุดขนาดใหญ่เปิดทาง และต้องใช้แรงคนใช้จอบเสียมขุดต่อเข้าไป เพื่อให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อการช่วยชีวิตเด็กน้อยให้ได้มากที่สุด ซึ่งบางช่วงตอนขุดก็เกิดปัญหาเพราะขุดไปเจอหิน แล้วบางช่วงที่เสียงน้องหายไป 


จนเวลา 9.00 น. ได้เห็นตัวเด็กแล้ว แต่ห่าง 40 เซนติเมตร นายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอพบพระ ตัดสินใจซึ่งเป็นนาทีชีวิต ใช้เชือกรัดใต้แขนเด็กบริเวณรอบหน้าอก เพื่อจะใช้การดึงตัวเด็กออกมา ซึ่งการตัดสินใจเป็นไปด้วยความระทึก และมีความจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจ เนื่องจากเป็นเรื่องความเป็นความตาย เมื่อน้องตาเริ่มขาวขุ่น อ่อนแรง แต่ยังมีลมหายใจ


ประกอบกับเจ้าหน้าที่ประเมินว่า ทีมกู้ชีพกู้ภัยคงไม่สามารถลงไปช่วยได้ ทำได้เพียงการส่งท่ออากาศออกซิเจนลงไป เพื่อให้เด็กได้มีอากาศหายใจ ขณะเดียวกันก็หย่อนกล้องลงไปในท่อ เพื่อสำรวจจนพบว่าเด็กยังมีชีวิต มีเสียงร้องไห้เป็นระยะ ทำให้ทีมทำงานยังมีความหวังว่า ที่จะช่วยเด็กขึ้นมาได้จากท่อน้ำลึก จึงตัดสินใจดึงร่างน้องขึ้นมาทันที


โดยนายอำเภอพบพระส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันดึงร่างน้องขึ้นมา โดยเจ้าหน้าที่ลงไปในบ่อดินและช่วยกันดึงใช้เวลากว่า 5 นาที จึงสามารถดึงร่างน้องขึ้นมาได้สำเร็จ เมื่อเวลา 10.20 น. วานนี้ (7 ก.พ. 66)  


โดยเจ้าหน้าที่อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยในสภาพดินโคลนเต็มตัวน้อง ออกมาท่ามกลางเสียงตบมือและความดีใจของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ต้องลุ้นระทึกอยู่นานกว่า 17 ชั่วโมง


ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายๆ หน่วยงานที่ระดมกำลังกันเข้ามาช่วย ต่างโผเข้ากอดกันกลมด้วยความดีใจ หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายร่างของเด็กหญิงนำส่งโรงพยาบาลพบพระ ขณะที่พ่อแม่เด็กยกมือไหว้ขอบคุณคนไทยที่ไม่ทิ้งพวกเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงแรงงานเท่านั้น


นายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอพบพระ เล่าถึงวินาที เมื่อเจอตัวน้องแล้ว จึงมีการวางแผนต่อคือการนำเด็กออกมาได้อย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด โดยตอนนั้นพบดินเต็มตัวน้อง เจ้าหน้าที่พยายามนำดินออกตัวเด็กให้มากที่สุด และได้ใช้อุปกรณ์คล้ายกระบวยเล็กๆ ตักดินออกจากตัวน้อง ก่อนประเมินสถานการณ์อาการบาดเจ็บ ขณะนั้น เห็นช่วงแขนน้องพอขยับได้เจ้าหน้าที่จึงใช้เชือกผูกใต้แขนน้อง และดึงออกมาได้อย่างปลอดภัย ราวกับปาฏิหาริย์


ด้าน นายเชาวน์วรรชย์ ทัศนียานนท์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เปิดเผยว่า เด็กหญิงชาวเมียนมารายนี้มีความแข็งมาก ตั้งแต่เกิดเหตุเด็กยังสามารถที่ส่งเสียงเป็นระยะๆ และขยับตัวได้ หน่วยกู้ภัยต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงในการขุดด้วยจอบและมือ หลังจากที่รถแบคโฮไม่สามารถขุดไปได้แล้ว เนื่องจากหวั่นว่าจะเกิดดินถล่มทับตัวน้องและทีมช่วยเหลือ


ทางด้านนพ.ศักดิ์บัญชา สมชัยมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพบพระ เปิดเผยว่า อาการของเด็กยังแข็งแรง เกิดสภาวะขาดน้ำบ้าง มีการเฝ้าดูอาการอยู่ เนื่องจากต้องเช็กเรื่องอาการปอด ชื้น ปอดอักเสบหรือไม่ ในเบื้องต้นน้องปลอดภัยดี โดยรวมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทางโรงพยาบาลดูอาการ 3-5 วัน หากไม่มีอะไรก็ให้กลับบ้านได้

------------

เหตุการณ์ 'เด็กตกท่อ' ในไทย จากกรณีเด็กพม่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ต้องย้อนไปถึงเมื่อ 38 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมสุดเศร้าใจ


ช่วงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 เรื่องเกิดที่ไซต์งานก่อสร้างอาคาร โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นวันหยุดที่พ่อต้องออกไปรับจ้างที่อื่น แม่ไปตลาด จึงฝากหนูน้อยวัย 16 เดือน 'ด.ญ.สร้อยเพชร บุญน้อย' ไว้กับเพื่อนบ้าน


แต่ 'น้องสร้อยเพชร' ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลายคนออกตามหา จนได้ยินเสียงร้องออกมาจากรูเสาเข็ม ซึ่งกว้างแค่ 20 เซนติเมตร ลึก 25 เมตร เจ้าหน้าที่ทั้งส่องไฟ ทั้งหย่อนไฟฉายลงไป เห็นมือเด็กไหวๆ ความหวังที่จะช่วยชีวิตจึงมีอยู่ เบื้องต้น ทีมช่วยเหลือหย่อนสายออกซิเจนลงหลุมให้มีอากาศหายใจ โดยมีพยาบาลคอยดูแล


นางสมภารแม่ของเด็กถูกนำมาที่ปากหลุมด้วย เพื่อให้ส่งเสียงถึงลูกว่า "เพชรจับเชือกไว้ลูก…" แต่ความไร้เดียงสา ทำให้หนูน้อยวัยเพียง 16 เดือน ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเป็นแม่กำลังจะสื่อ


ทีมงานช่วยชีวิตปรึกษากันที่จะใช้วิธีสร้างอุปกรณ์เฉพาะกิจ มีลักษณะคล้ายตะขอ หย่อนลงไปเกี่ยวตัวเด็กขึ้นมา แต่ก็ถกกันถึงอันตรายที่อาจจะเกิดแก่ตัวเด็ก จนในที่สุดก็ตกลงใจ ใช้วิธีดึงเสาเข็มต้นแรกยาว 12 เมตร ขึ้นมาก่อน ถ้าเด็กค้างอยู่ในช่วงนี้ ก็จะได้ตัวเด็กขึ้นมาด้วย แต่ถูกท้วงว่าถ้าเด็กอยู่ในต้นที่ 2 ก็จะทำให้โคลนและน้ำทะลักเข้าไปท่วมเด็ก แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่า จึงต้องใช้วิธีนี้ในที่สุด


เชือกค่อนข้างตึงมือ เจ้าหน้าที่ต้องดึงอย่างระมัดระวัง ความหวังเกิดขึ้นอีกเมื่อเด็กสั่นเชือก แต่ผ่านมาเพียง 5 เมตร น้ำหนักกลับเบาหวิว พร้อมความหวังที่ปลิวหายไปด้วย


เจ้าหน้าที่ขุดดินเปิดปากหลุม แต่กลุ่มไทยมุงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้สื่อข่าว ช่างภาพ และไทยมุงกว่า 500 ชีวิต ล้อมอยู่รอบเสาเข็มที่เกิดเหตุ รวมทั้งคนป่วยในโรงพยาบาลก็ออกมามุงดูด้วย และส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรค เสี่ยงทำให้เจ้าหน้าที่ถูกฝังจากดินถล่ม


สัญญาณแห่งความหวังยังมี เพราะหนูน้อยยังดึงเชือกอยู่ จึงเริ่มแผนสุดท้าย แต่สิ่งเลวร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อเสาเข็มหักกลางต้น ดินโคลนและน้ำไหลพรูเข้าไปดั่งที่ทุกฝ่ายกลัวว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเด็กอยู่ในต้นที่ 2 ก็คงถูกถูกโคลนทับตายแล้ว จึงตัดสินใจให้รถปั้นจั่นดึงเสาเข็มต้นที่ 1 ขึ้นมา แต่รถปั้นจั่นก็ดึงไม่ไหว ต้องดับเครื่องยอมแพ้


10 ชั่วโมงผ่านไป ปาฏิหาริย์ไม่เกิดขึ้น หลายคนลงความเห็นว่าหนูน้อยคงเสียชีวิตแล้ว แต่ก็ต้องกู้ศพเอาขึ้นมาให้ได้ แม่ของเด็กบอกว่า “ไม่มีอะไรจะแทนค่าชีวิตของลูกได้ เมื่อเขาต้องจากไปแล้ว ก็จะไม่ขอเรียกร้องอะไรจากใคร สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือต้องการศพลูกขึ้นมา เพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านลำนารายณ์ ซึ่งสร้อยเพชรเคยไปอยู่กับย่า”


จากปฏิบัติการช่วยชีวิต กลายเป็นกู้ร่างไร้วิญญาณของเด็กตัวน้อยๆ.. จนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ การขุดเอาศพขึ้นมาก็ยังไม่สำเร็จ ตะขอที่หย่อนลงไปเกี่ยวศพได้ 2 ครั้ง แต่ก็ได้เพียงกลิ่นศพติดตะขอขึ้นมา สุดท้ายแล้ว เจ้าหน้าที่ใช้เวลาถึง 5 วัน ในวันที่ 9 ก.พ. จึงกู้ร่างหนูน้อยขึ้นมาได้ พร้อมใช้ทุนทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท ในการกู้ร่าง 


ผู้รับเหมาถูกดำเนินคดี กระทำการโดยประมาทเป็นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้จะกั้นรั้วบริเวณก่อสร้าง มีป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด ตามที่กฎหมายได้ระบุ แต่ก็เปิดช่องไว้ให้คนงานเข้าออกได้สะดวกโดยไม่มีประตูปิดกั้น จนหนูน้อยวัย 16 เดือน เดินเตาะแตะด้วยความไร้เดียงสา จนร่วงหล่นลง

------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/xL62loUr7Qw

คุณอาจสนใจ

Related News