สังคม

'ครูบาไก่' ยังเงียบ หลัง 'อิคคิว-บุ๋ม' เปิดคลิปใหม่ชายหัวโล้น 'ตอกเสาเข็ม' ลั่นยังมีหลักฐานเด็ดอีกเพียบ

โดย nattachat_c

26 ม.ค. 2566

40 views

อิคคิว ควง บุ๋ม ให้ปากคำกองปราบฯ ปมครูบาไก่ พร้อมเปิดคลิปเด็ด ชายหัวโล้นมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายในรีสอร์ท แจงต้องการให้เจ้าตัวออกมารับความจริง ในสิ่งที่ก่อขึ้น หากยังเงียบเตรียมเดินหน้าแฉต่อ อุบมีหลักฐานเด็ดอีกเพียบ ด้านครูบาไก่ยังเก็บตัวเงียบ ไม่พบสื่อ ขณะที่โซเชียลถกสนั่นใช่หรือไม่


วานนี้ (25 ม.ค.66) ที่กองบังคับการปราบปราบ นางสาววาสนา (อิคคิว) พร้อมด้วย นางสาวคมคาย (บุ๋ม) อดีตคนสนิทครูบาไก่ (พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร) ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยพยานที่อยู่ใกล้ชิดกับครูบาไก่ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่างๆ


ได้นำหลักฐานซึ่งเป็นคลิปวิดีโอลับของชายหัวโล้น ที่มีลักษณะอรชรอ้อนแอน กำลังมีเพศสัมพันธ์ในลักษณะตอกเสาเข็มกับชายอีกคน ภายในห้องที่มิดชิด คาดว่าเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งหนึ่ง โดยไม่ยืนยัน และกล่าวอ้างว่าเป็นใคร แต่นำมาเพื่อมอบให้ตำรวจกองปราบตรวจสอบ


โดยก่อนหน้านี้ พวกเธอได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทองคำ ที่ครูบาไก่กับพวกได้ทรัพย์สินไปจากประชาชน


นางสาวคมคาย กล่าวว่า ตนได้คลิปดังกล่าวมาจากพลเมืองดีคนหนึ่ง ซึ่งส่งคลิปในลักษณะนี้มาให้หลายคลิป มีทั้งการตอกเสาเข็ม และการถวายดอกบัว


เหตุการณ์ในคลิปที่อ้างว่ามีการตอกเสาเข็มนี้ เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ตแห่งหนึ่ง พร้อมกันนี้ เธอบอกว่าโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้มีผ้าปูที่นอน หรือผ่าห่มสีส้มอย่างแน่นอน


ขณะเดียวกัน พลเมืองดีที่ให้คลิปมา ไม่ใช่คนในคลิปดังกล่าว และสิ่งที่เธอต้องการคือนำคลิปดังกล่าวมาให้ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งหากตำรวจได้เห็นแล้วจะรู้ได้ทันทีเลยว่าบุคคลดังกล่าวในคลิปคือใคร 


ทั้งนี้ ทั้ง 3 คน ยังยืนยันถึงกรณีที่ออกมาแฉครูบาไก่ว่า ไม่มีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องแน่นอน และยังได้ฝากไปถึงครูบาไก่ด้วยว่า อยากให้ออกมายอมรับความจริงในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป ถ้าหากยอมรับพวกตนจะหยุด แต่หากยังไม่ยอมรับ พวกตนจะเดินหน้าต่อให้ถึงที่สุด


ขณะที่ พยานที่อยู่ใกล้ชิดกับครูบาไก่อีกคน ได้พูดวลีเด็ดเด็ดทิ้งท้าย เพื่อฝากไปถึงครูบาไก่ว่า “ผีเห็นผีฉันใด พี่แพรรี่ย่อมเห็นผีตัวแม่ฉันนั้น”


นอกจากนี้ นางสาวคมคาย ยังระบุอีกว่า เธอกับนางสาววาสนา ยังไม่ได้รับหมายเรียกจาก สภ.มัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ตามที่ครูบาไก่เคยชี้แจงกับสื่อไปว่า ตำรวจมีการเรียกพวกตนไปให้ปากคำในวันศุกร์ที่ 27 ม.ค.นี้ ยืนยันว่าจะไม่ไป จนกว่าจะมีหมายเรียก


ขณะที่ ในวันศุกร์ที่ 27 ม.ค. 66 นี้ เธอจะนำหลักฐานเป็นเอกสารหลักฐานด้านการเงิน ไปยื่นให้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบตำรวจบางนายที่รับเงินจากครูบาไก่ เธอยืนยันว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ แต่ไม่ขอเปิดเผ ยจะขอเปิดรายละเอียดในวันศุกร์นี้

-------------
ส่วนกรณี นางสาววาสนา และ นางสาวคมคาย ที่ได้เดินทางไปที่ ปทส. เพื่อร้องเอาผิดครูบาไก่ รุกพื้นที่ป่าสงวน 


พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ได้ออกมากล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พื้นที่ดังกล่าว ตัววัดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนจริง รวมถึงยังพบว่า ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่วัดตั้งอยู่ มีการออกโฉนดอยู่จำนวนสองแปลง ประมาณกว่า 31 ไร่ ซึ่งในส่วนของโฉนดทั้งสองแปลงนี้ จะให้ทางกองกำกับการ 3 บก.ปทส. ดำเนินการรับเรื่องคำร้องทุกข์ในครั้งนี้ ไปตรวจสอบพร้อมกันด้วย


ส่วนในพื้นที่ของวัด จะมีการตรวจสอบว่า ได้มีการยื่นขออนุญาตตั้งวัด ในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ เนื่องจากมติคณะ ครม. เมื่อปี 2563 มีการเปิดช่องให้หน่วยงานราชการ วัด หรือสำนักสงฆ์ สามารถขออนุญาตจัดตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนได้ สูงสุดไม่เกิน 15 ไร่ ในระยะเวลาตั้งแต่ 5 - 30 ปี


แต่จะต้องมีการขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับทางสำนักพุทธศาสนา โดยทางตำรวจจะทำการตรวจสอบเอกสารดังกล่าว หากพบว่ามีการขออนุญาต และอยู่ในขั้นตอนระหว่างการดำเนินการ ก็จะถือว่าไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวน


ขณะที่ครูบาไก่ ได้ออกมา ยอมรับว่าบุคคลที่อยู่ในภาพนั้นเป็นครูบาไก่จริง แต่ยังคงปฏิเสธในเรื่องของภาพลับว่าไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงกัน

ซึ่งภาพในกุฎิที่อยู่กับลูกศิษย์ เณรน้อยที่มาจำวัดด้วยเป็นผู้ถ่าย ซึ่งกุฎินั้นลูกศิษย์สามารถเข้าออกได้ตลอดเวลา แต่ภาพของลับนั้นยืนยันว่า ไม่ใช่ของตัวเอง และไม่ได้เป็นคนถ่ายส่งให้ใครใน ส่วนภาพเล่นน้ำและนั่งเจ็ตสกีนั้น ยอมรับว่าเป็นความไม่เหมาะสม ซึ่งก็น้อมรับในส่วนนี้ โดยรอทางคณะสงฆ์เป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนระเบียบของสงฆ์ต่อไป


ส่วนประเด็นตั้งที่พักสงฆ์ลุกล้ำเขตป่าไม้ ที่มีการร้องเรียนไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมีทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลงพื้นที่มารังวัดแนวเขต ซึ่งจากการตรวจสอบในเขตพื้นที่วัดก็ไม่ได้รุกล้ำแต่อย่างใด

ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แนะนำว่า หากจะทำเป็นสำนักสงฆ์ก็สามารถทำได้ โดยห้ามขยับเข้ารุกล้ำในเขตป่าไม้ซึ่งอยู่ติดกัน แต่สามารถขึ้นไปปฏิบัติธรรม ปักกลดธุดงค์ได้ แต่ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ได้ โดยทางวัดและลูกศิษย์ลูกหาทุกคนก็ทราบเรื่องนี้ดี ก็มีการพัฒนาเพียงในพื้นที่ของที่พักสงฆ์ที่สามารถทำได้เท่านั้น ยืนยันความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน


ขณะเดียวกัน หลักฐานต่างๆ ที่กล่าวหาครูบาไก่ที่ปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลขนาดนี้ มีการเปิดเผยออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางภาพก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจริงหรือไม่ เพราะลักษณะไม่เหมือนกับครูบาไก่

และมีคลิปนั่งซ้อนท้ายลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชายขับเจ็ตสกีให้ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายมาทางกล้องโดยเป็นคลิปความยาว 8 วินาที ซึ่งในเรื่องนี้ ได้มีการดำเนินการตามวินัยของสงฆ์ไปแล้ว แต่เป็นเพียงเรื่องของโลกวัชชะ หรือโลกติเตียน ไม่ถึงขั้นต้องทำการลาสิกขาไป และมีอีกมากมายทั้งภาพนิ่งทั้งคลิป ซึ่งก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใช่ครูบาไก่จริงหรือไม่


อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่างๆ ของทางคณะสงฆ์ ขณะนี้ยังคงยุติชั่วคราว เนื่องจากยังต้องรอการสืบสวนสอบสวนทางด้านคดีความอาญา ที่ทางครูบาไก่เข้าแจ้งความเอาผิดกับอิคคิวพร้อมพวกรวมสี่คน ซึ่งทางตำรวจได้ส่งหมายเรียกให้มาพบ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 27 ม.ค. 2566 นี้

-------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/W7lYxI4KFMk

คุณอาจสนใจ

Related News