รู้ตัวแล้วจ่อออกหมายเรียกชนแล้วหนี เก๋งตบซ้ายเบียดจยย.ล้มหวิดโดนทับ

กรณีหนุ่มรายหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอและภาพจากกล้องหน้ารถ เพื่อติดตามรถเก๋งตั้งใจเบียดรถจักรยานยนต์ ก่อนจะชนทำให้ล้มได้รับบาดเจ็บ บนถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงใกล้ถึงแยกหลักสี่ตัดกับถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าไปทางดอนเมือง

โดยมีข้อความระบุว่า "รบกวนช่วยตามหารถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ก่อเหตุคดีเชี่ยวชนรถจักรยานยนต์แล้วหลบหนี เหตุเกิดเหตุบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนถึงแยกหลักสี่ มุ่งหน้าไปดอนเมือง"

ล่าสุดวันที่ 23 ม.ค. 66 ทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่เดินทางไปพูดคุยกับนายเบนซ์ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 21 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.35 น. ขณะนั้นตนกำลังขี่รถจากลาดพร้าวเพื่อกลับบ้านย่านดอนเมือง เมื่อขี่รถมาถึงแยกหลักสี่ ตนพยายามเบี่ยงเข้าเลนขวา เพราะเป็นที่ทราบดีว่ารถประจำทางบนถนนวิภาวดีรังสิต เลนซ้ายจะบังคับเลี้ยวเข้าแจ้งวัฒนะ ตนจึงต้องขี่รถออกเบี่ยงออกเลนขวามุ่งหน้าดอนเมือง

ในจังหวะนั้นรถเก๋งคู่กรณี ขับมาช่องไหล่ทางซ้าย แล้วค่อย ๆ ตบเข้ามาเลนซ้ายและเบียดรถตนในที่สุด ก่อนจะชนทำให้ตนเสียหลักพลิกคว่ำกลางถนน โชคดีที่รถคันตามหลังขับตามมาหยุดรถทัน เมื่อดูจากคลิปกล้องหน้ารถแล้ว ตนคาดว่าเก๋งคู่กรณีมีเจตนาตั้งใจเบียดแล้วชน ทั้งที่ตนไม่เคยมีศัตรูหรือบาดหมางกับใครมาก่อน ดูทรงแล้วไม่น่าจะใช่คนที่ตนรู้จักด้วย

นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุตนถูกรถจักรยานยนต์ทับ ก่อนรถที่ขับตามมาจะจอดช่วย หลังจากนั้นตนก็เดินทางไปรักษาที่รพ.มงกุฏวัฒนะ ซึ่งแพทย์ระบุว่าตนมีอาการกระดูกข้อนิ้วโป้งเท้าขวาแตก ต้องดามใส่เฝือกนาน 3 สัปดาห์ และมือขวาถลอกโป่งพอง โชคดีที่ใส่ถุงมือและใส่เสื้อคลุมจึงไม่มีบาดแผลถลอกมากนัก ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเกือบ 9,000 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์แฮนด์รถบิด ใช้การไม่ได้ต้องส่งซ่อม ซึ่งยังไม่ได้ประเมินค่าซ่อม แต่คาดว่าน่าจะประมาณหลายหมื่นบาท

นายเบนซ์ ยังระบุอีกว่า เรื่องคดีความตนได้แจ้งความไว้กับที่ สน.วิภาวดี พร้อมส่งมอบคลิปหลักฐานให้แก่ตำรวจแล้ว น่าจะตามตัวไม่ยาก เพราะเห็นป้ายทะเบียนรถอย่างชัดเจน ตนจึงฝากเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับขี่รถกันอย่างระมัดระวัง คำนึงถึงรถคันอื่น ๆ รอบตัวเองด้วย ทั้งรถใหญ่และรถเล็ก อีกทั้งฝากถึงคู่กรณีว่าอยากให้ออกมาแสดงตัวเพื่อรับผิดชอบ ไม่ใช่ชนแล้วหนีเช่นนี้ หากวันดังกล่าวได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตจะทำอย่างไร

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เปิดเผยว่า ขณะนี้สืบทราบจากป้ายทะเบียนแล้วว่าคู่กรณีเป็นใคร แต่ขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผยข้อมูลเพื่อป้องกันผลกระทบต่อรูปคดี และเตรียมที่จะออกหมายเรียกภายในวันนี้ (23 ม.ค.) ให้มาให้ปากคำต่อทางพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 3 ก.พ. 66 แต่หากพ้นกำหนดอาจจะถูกออกหมายจับได้ เบื้องต้นจากพฤติการณ์ของคู่กรณี พนักงานสอบสวนได้เตรียมแจ้ง 3 ข้อหา ได้แก่ ขับรถได้ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ / ทำให้เสียทรัพย์ / และหลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือ