อาชญากรรม

ญาติร่ำไห้ รอรับร่างเหตุโศกนาฏกรรม 'รถตู้ระเบิดไฟลุก' ดับ 11 ศพ พยานได้ยินเสียงร้อง “ช่วยด้วยๆ” แต่เข้าไปช่วยไม่ได้

โดย nattachat_c

23 ม.ค. 2566

1K views

สยองรับวันตรุษจีน ถนนมิตรภาพรถตู้เสียหลักตกถนนไฟลุก คนในรถหนีไม่ทันถูกคลอกเสียชีวิตทันที 11 ศพ อีก 1 หนีตายพุ่งตัวจากรถตู้รอดหวุดหวิด พบใต้เบาะรถมีติด NGV 3 ถัง ล่าสุดพบสาเหตุ เกิดจากรถตู้เสียหลักพลิกคว่ำ น้ำมันรั่ว ทำให้เกิดประกายไฟ ขณะเกิดอุบัติเหตุรถตู้ใช้ความเร็ว 82 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านตำรวจยังไม่อนุญาตให้ญาติรับศพกลับต้องรอพิสูจน์ตัวบุคคลก่อน โดยครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 1.1 ล้านบาท


กรณีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารวิ่งมาจาก จ.อำนาจเจริญ เสียหลักพุ่งตกร่องกลางถนน บนถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้า กรุงเทพฯ บริเวณมอจะบก กม.ที่ 100+600 เขต อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา รถติดแก๊สเกิดไฟลุกไหม้ท่วมคัน มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ หนีรอดออกมาได้ 1 ราย


รายชื่อผู้เสียชีวิต 11 ราย มีดังนี้ (ยังต้องพิสูจน์อัตลักษณ์)

1. นายวันชัย เสวาภพ (คนขับรถ)

2. นางอุทัย อุตราช (นั่งข้างคนขับ)

3. เด็กชายกฤติเดช สาตะสิน อายุ 6 ขวบ (นั่งข้างคนขับ/หลานของนางอุทัย)

4. นางทองยุ่น แสนโท 

5. นางสาวทัศวรรณ์ บุญเนาว์

6. นายรังสรรค์ บุญนันต์

7. นางสาวดวงนภา จารุไชย

8. เด็กหญิงพลอยชมพู  จารุไชย อายุ 7 ขวบ (ลูกของ น.ส.ดวงนภา)

9. นางสาวสุคนธี สีสันต์

10. นางศิริพร หนูคำหอม

11. นายวีระ สุวชัย


รายชื่อผู้รอดชีวิต 1 ราย

1. นายธนชิต กิ่งแก้ว


นายธนชิต อายุ 20 ปี ผู้โดยสารคนเดียงที่รอดชีวิต เล่าว่า นั่งรถตู้มาจากอำนาจเจริญเพื่อเดินทางไปกรุงเทพฯ โดยนั่งหลับมาตลอดทาง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงรถกระแทกดังสนั่น แล้วรถก็พลิกคว่ำ


ก่อนเห็นเปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงเพื่อนผู้โดยสารร้องขอความช่วยเหลือกันชุลมุน จึงใช้เท้าถีบกระจกที่มีช่องแตกอยู่แล้ว เพื่อมุดหนีเอาตัวรอด โดยไม่คิดว่ารถจะระเบิด ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้แม้จะได้ยินเสียงร้อง ไฟไหม้ทั้งหัวและท้ายของรถ ที่ติดตาที่สุดคือมีเด็กอยู่ด้วย ตอนนั้นคิดว่าตายแล้ว พออกมาได้แป๊บหนึ่งก็ระเบิด 2-3 ครั้ง 

----------------

วานนี้ (22 ม.ค. 66) ทีมข่าวตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณจุดบริการประชาชน หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดสีคิ้ว สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุเอาไว้ได้ โดยขณะเกิดเหตุรถตู้โดยสารวิ่งมาตามเส้นทาง กำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ก่อนเสียหลักพุ่งชนกับแผงเหล็กกั้นทาง ทำให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว


ทีมข่าวได้คุยกับนางอนันต์ สมศรี อายุ 49 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า หลังจากรถเสียหลักพุ่งชน ได้ยินเสียงคนตะโกนช่วยด้วยๆ เห็นหนึ่งในผู้โดยสารพยายามตะเกียกตะกายออกมา และตะโกนช่วยด้วยๆ ขณะนั้นตนทำอะไรไม่ถูก จึงวิ่งมาเอาบัวรดน้ำผัก ตักน้ำเผื่อจะไปดับไฟ ทั้งที่ไฟโหมไหม้รุนแรง จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น


ขณะที่คนละแวกนั้นพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถช่วยได้ เพราะไฟลุกไหม้เยอะมาก สงสารคนที่อยู่ในรถ เพราะมีเด็กด้วย 2 คน ส่วนคนที่ตะโกนขอความช่วยเหลือ ตนเองเห็นไฟกำลังลุกไหม้ตัวเขา ร้อนทุรนทุราย แต่ตนไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ รถตู้ตะแคงและทับตัวเขาไว้ ส่วนคนที่รอดชีวิตปีนออกมา มานั่งทำแผลอยู่ที่อู่ซ่อมรถ เหตุการณ์ตอนนั้นชุลมุนมาก

--------------

ขณะที่รถตู้โดยสารคันเกิดเหตุ ถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บไว้ที่บริเวณหน้า สภ.สีคิ้ว

สภาพของรถตู้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน ภายในห้องโดยสารใต้เบาะนั่งมีถังเชื้อเพลิงแก๊สเอ็นจีวี จำนวน 3 ถัง (หน้า 1 ถัง/หลัง 2 ถัง) โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้มาตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด เพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ


ทีมข่าวสำรวจดูภายในห้องโดยสารของรถตู้ พบว่ามีรองเท้า กระเป๋าเสื้อผ้าของผู้โดยสารที่เสียชีวิตถูกไฟไหม้กระจัดกระจาย เอกสารสำคัญ รวมถึงกระสอบข้าวสาร กระติ๊บข้าว อาหารของกินต่างๆ ที่ผู้โดยสาร (ผู้ตาย) ห่อใส่ถุงมาจากบ้านเกิด เพื่อนำมาไว้กิน และนำไปฝากญาติพี่น้องที่อยู่กรุงเทพฯ  อาทิ ฟักทอง น้ำเต้า สะเดา หมูยอ ไส้กรอกอีสาน เป็นต้น และมีภาพของพระเกจิชื่อดังตกอยู่ในรถด้วย

--------------

วานนี้ (22 ม.ค.) ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ ซึ่งมาจาก จ.อำนาจเจริญ เดินทางไปที่ สภ.สีคิ้ว เพื่อเดินเรื่องเอกสาร นำศพส่งไปชันสูตรเอกลักษณ์บุคคลที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ในวันนี้ (23 ม.ค.) เวลา 09.00 น. เพื่อเก็บดีเอ็นเอเปรียบเทียบ เนื่องจากสภาพศพไหม้เกรียม จนไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ โดยมูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา สนับสนุนยานพาหนะขนย้ายศพ คาดจะทราบผลภายใน 7 วัน


ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิต บางคนเมื่อเดินทางมาถึงโรงพัก ได้นั่งและกอดคอกันร้องไห้ด้วยความเสียใจ /บางคนเดินไปที่ซากรถตู้คันเกิดเหตุ ยืนมองดูสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ตายที่ตกอยู่ภายในรถตู้ ใช้มือจับสิ่งของ เสื้อผ้า ซึ่งจำได้ว่าเป็นของญาติตัวเองแล้วร้องไห้


ขณะที่ ตำรวจให้ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตไปดูของใช้ส่วนตัวและเอกสารสำคัญของผู้ตาย ที่เก็บได้ภายในรถตู้ เมื่อญาติเห็นก็ปล่อยโฮร้องไห้ “ชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว” และโผเข้ากอดญาเพราะรู้สึกสะเทือนใจ ก่อนจะนำสิ่งของญาติตัวเองใส่ถุงดำนำกลับไป

--------------

ทีมข่าวได้คุยกับ นายสุรเดช อ่อนคำ อายุ 41 ปี เสียลูกวัยสาว 7 ขวบ น้องน้ำขิง พร้อมภรรยาคือ น.ส.ดวงนภา จารุไชย เผยว่า

เมื่อเจ้าหน้าที่ให้ดูของใช้ส่วนตัว ตนจำกระเป๋าของลูกสาวได้แม่นยำ ส่วนที่ซากรถตู้คันเกิดเหตุ พบว่ายังมีเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางของลูกสาวและภรรยาหลงเหลืออยู่ บริเวณเบาะนั่งแถวที่สามติดหน้าต่าง


สามีของ น.ส.ดวงนภา เผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของตนได้จัดงานบวชที่บ้าน จ.อำนาจเจริญ พอเสร็จงานตนเองเดินทางกลับมา จ.ปทุมธานี ก่อนเพื่อทำงาน โดยภรรยาและลูกสาว เดินทางตามมาภายหลัง ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ทุ่ม ยังโทรศัพท์คุยกันอยู่เลย


กระทั่งเกิดเหตุสลดตอน 3 ทุ่มครึ่ง แต่ตนทราบข่าวว่าลูกและภรรยาประสบอุบัติเหตุ เช้าวันรุ่งขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุนี้ขึ้น ตอนนี้รู้สึกจุกไปหมดใจจะสลาย มันเร็วเกินไป นอกจากนี้ ได้นำภาพถ่ายครอบครัว 3 คน พ่อ แม่ ลูก เป็นภาพสุดท้ายที่ถ่ายด้วยกันในงานบวช มาให้นักข่าวดู


นางสาวแอ๋ว จารุไชย อายุ 48 ปี พี่สาวของน.ส.ดวงนภา กล่าวว่า

เวลาบ่ายโมงวันเกิดเหตุ น้องสาวแชตมาบอกว่าขึ้นรถแล้ว จากนั้น 6 โมงเช้า วันที่ 22 ม.ค. พ่อโทรมาบอกว่า รถตู้ที่น้องสาวกับหลานนั่งมาเกิดอุบัติเหตุ รถเหมามา คนขับจะไปรับถึงหน้าบ้านและไปส่งถึงที่ “เราเพิ่งจะจัดงานบุญมา ใจมันสลายไปหมดแล้ว ไม่รู้จะพูดยังไงสูญเสียสองคนพร้อมกัน เราเพิ่งจัดงานมงคล ไม่คิดว่าจะมาเจองานแบบนี้”

--------------

พี่ชายของนางอุทัย อุตราช (หนึ่งในผู้เสียชีวิต) มายืนดูซากรถที่ถูกไฟไหม้บริเวณเบาะด้านหน้าข้างคนขับ

ซึ่งเป็นจุดที่นางอุทัย และน้องโลตัส หลานชายวัย 6 ขวบ นั่งโดยสารมาก่อนจะเกิดเหตุสลดขึ้น พี่บอกยังมีเศษผมของน้องสาวติดอยู่ที่เบาะรถ และมีผ้าห่มของหลานชาย ซึ่งถูกไฟไหม้กองอยู่ตรงเบาะที่นั่งด้านหน้า ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ น้องสาวและหลานชาย กำลังนั่งรถตู้ไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพฯ


ด้านนางสาวสุภาพร บุญรอด อายุ 26 ปี แม่ของน้องโลตัส วัย 6 ขวบ ที่เสียชีวิต คุณแม่มายืนร้องไห้อยู่ข้างเบาะนั่งที่ลูกชายนั่งโดยสารมา และใช้มือจับไปที่ผ้าห่มของลูกชาย และตุ๊กตาหมาตัวโปรดของลูกชายซึ่งถูกไฟไหม้ ตนสูญเสียคุณแม่และลูกชายพร้อมกัน 2 คน ทำใจไม่ได้ เป็นการสูญเสียกะทันหันโดยไม่ได้ตั้งตัว ก่อนจะเดินทางตนเองบอกกับลูกว่า “เดินทางปลอดภัยนะ” เขายิ้มแล้วพูดว่า “เดี๋ยวโลตัสกลับมาหานะ"

------------

ทีมข่าวยังได้คุยกับนายบุญธรรม สุวชัย อายุ 54 ปี น้องชายของนายวีระ สุวชัย (หนึ่งในผู้เสียชีวิต) เผยทั้งน้ำตาว่า

พี่ชายกลับไปเยี่ยมพ่อที่อำนาจเจริญ ก่อนหน้านี้ ก็มีญาติที่กลับไปเยี่ยมพ่อของตน แต่ได้ขับรถส่วนตัวกลับกรุงเทพฯ ก่อน ตนบอกให้พี่ชายมาด้วยกัน แต่พี่ชายบอกไม่กลับ ขออยู่กับพ่อก่อนซัก 1 อาทิตย์ เหมือนพูดเป็นนัยๆ ในวันเกิดเหตุ พี่ชายนั่งรถตู้กำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กระทั่งเกิดเหตุสลด “ผมทำใจไม่ได้”


ระหว่างนั้น ทางครอบครัวได้ค้นหาข้าวของของนายวีระ มีการค้นหาจนพบกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ครอบครัวได้เปิดกระเป๋าตรวจสอบสิ่งของ พบว่าภายในกระเป๋า มีของใช้ของผู้เสียชีวิตอยู่ครบ ยกเว้นสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และพระสมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทองที่หายไป


ทางครอบครัว บอกว่า ในกระเป๋ามีเสื้อตัวโปรดของนายวีระอยู่ด้วย นั่นคือเสื้อทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเสื้อที่นายวีระรักมาก โดยทางญาติๆ ได้เก็บเสื้อผ้าเหล่านี้กลับไปที่บ้าน ญาติบอกว่าปกตินายวีระผู้เสียชีวิตไม่เคยขึ้นรถตู้โดยสารเลย ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมครั้งนี้ถึงมาใช้บริการรถตู้โดยสาร ส่วนจุดที่พบกระเป๋าเสื้อผ้า ญาติบอกว่า ที่นั่งดังกล่าวเป็นที่นั่งโปรดของนายวีระ เพราะนายวีระชอบนั่งบริเวณเบาะหลังคนขับ

------------
วานนี้ (22 ม.ค. 66) พ.ต.อ.ยงยศ พลเดช ผู้กำกับการ สภ.สีคิ้ว เผยว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการตรวจสอบพิสูจน์รถตู้คันเกิดเหตุ เบื้องต้น ยังไม่พบว่าขณะเกิดเหตุมีอะไรตัดหน้ารถหรือไม่ รวมถึงร่องรอยในการเบรคก็ยังไม่พบในที่เกิดเหตุ


สำหรับไฟที่ลุกไหม้นั้น เชื่อว่าเกิดจากการเสียดสีของวัตถุบ้างอย่าง ซึ่งต้องรอการตรวจพิสูจน์รายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวได้มีจดทะเบียนเป็นรถโดยสารสาธารณะ จึงมีการติดระบบ GPS อยู่ในรถ


ผู้กำกับการ สภ.สีคิ้ว กล่าวต่อว่า จากการรับรายงานเบื้องต้น ทราบว่าระหว่างเกิดเหตุ รถตู้คันดังกล่าวได้วิ่งด้วยความเร็ว ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าเป็นความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดปกติ


หลังจากนี้ ทางตำรวจจะมีการเชิญพยานแวดล้อม ในที่เกิดเหตุมาทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ต่อไป โดยวันนี้ (23 ม.ค.) จะมีการเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย ไป ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
------------

ทีมข่าวตรวจสอบทราบว่า รถตู้คันเกิดเหตุอยู่ในความครอบครองของนายมนตรี โพธารินทร์ ชาว จ.อำนาจเจริญ จดทะเบียนเป็นรถยนต์โดยสารไม่ประจำทาง (หมวดนำหน้ารหัส 30) ในนาม หจก.มนตรีทรัพย์เจริญ จัดทำประกันภัยประเภท 3 พลัส กับบริษัทมิตรแท้ประกันภัย และมีเครื่องส่งสัญญาณ GPS ติดตั้งอยู่ด้วย


ก่อนเกิดเหตุได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มผู้โดยสาร ซึ่งเป็นชาวบ้าน ต.ดงบัง อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ และใกล้เคียงให้ไปส่งที่ กทม. และ จ.นนทบุรี /สำหรับผู้บาดเจ็บคือนายธนชิต กิ่งแก้ว จะเดินทางไป จ.นครปฐม /


ขณะเกิดเหตุรถตู้คันเกิดเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว 87 กม./ชม. (ข้อมูล GPS จาก สนง.ขนส่งจังหวัด) เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ถนนมิตรภาพ กม.100 + 600 บริเวณจุดกลับรถหน้าศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อส่งก๊าซ เขต 13 (ปตท.โคราช) พยานเป็น จนท.กู้ภัย ที่อยู่บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุได้ยินเสียงเบรค


เมื่อออกมาดู จึงเห็นรถตู้ตกอยู่ในร่องกลางถนน ระหว่างเหล็กการ์ดเรลกั้นถนน มีเพลิงลุกไหม้ จึงพยายามดับเพลิงเบื้องต้น แจ้งรถดับเพลิง แจ้งทีมตัดถ่าง ระหว่างนั้นนายธนชิต ได้คลานออกมาจากกระจกหน้าต่างที่แตก ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวาเล็กน้อย จึงนำส่งโรงพยาบาลสีคิ้ว
------------

วานนี้ (22 ม.ค. 66) นางสาวเบญจวรรณ โพธิ์ธารินทร์ อายุ 23 ปี ลูกสาวเจ้าของบริษัทรถตู้คันเกิดเหตุ เผยว่า รถตู้คันดังกล่าวเป็นรถตู้โดยสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง ซึ่งเป็นจำนวนที่ทางกฎหมายได้กำหนด


นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวยังมีการติดตั้งระบบ GPS และ มีการติดตั้งแก๊ส NGV รวมถึงมีการใช้น้ำมันเป็นน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 95 ในการขับเคลื่อนรถ และที่ผ่านมาทางบริษัทก็มีการตรวจเช็คสภาพรถทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร


จากเหตุการณ์ที่เกิด ตนคาดว่าสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้นั้น อาจจะเกิดจากการที่รถเสียหลัก และได้ไปกระทบกับวัตถุบางอย่างจนเกิดเป็นประกายไฟ /ในส่วนประเด็นคนขับนั้น ตนรับรองว่ามีการคัดเลือกมาอย่างดี ไม่ดื่มเหล้า พักผ่อนเพียงพอ และมีการหมุนเวียนสลับขับกันทั้งสัปดาห์ เพื่อไม่ให้คนขับเหนื่อยจนเกินไป  


ทั้งนี้ ในส่วนเรื่องของเงินเยียวยานั้น เบื้องต้น จากการพูดคุยกับทางบริษัทประกันรถ จะมีการเยียวยาผู้เสียชีวิตรายละ 1 ล้านบาท /ยกเว้นคนขับหากมีการตรวจสอบว่า เกิดจากความสะเพร่าของคนขับนั้น จะได้ค่าเยียวยาแค่ประมาณ 1 แสนบาท

------------

นายสมศักดิ์ เปรมปวีณ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จ.นครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียดการทำประกันภัยของรถตู้โดยสารคันเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า รถตู้โดยสารเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ส่วนคนขับรถตู้โดยสารทราบชื่อ คือ นายวันชัย เสวาภพ เป็น 1 ในผู้เสียชีวิต 11 ราย


ทั้งนี้พบหลักฐานการทำประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 5 รวมทั้งมีประกันอุบัติเหตุ และประกัน พ.ร.บ.ภาคบังคับ ในการดูแลของ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดการคุ้มครองความเสียหาย จากอุบัติเหตุครั้งนี้พบว่าผู้โดยสารที่เสียชีวิต 10 ราย ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. รายละ 500,000 บาท คุ้มครองจากประกันภาคสมัครใจ รายละ 500,000 บาท และคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ รายละ 100,000 บาท รวมค่าชดเชยที่ผู้เสียชีวิตจะได้รับเบื้องต้นรายละ 1,100,000 บ


ส่วนกรณีของคนขับรถได้รับความคุ้มครอง แค่ค่าปลงศพจาก พ.ร.บ. จำนวน 35,000 บาท และคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุอีก 100,000 บาท รวมจำนวน 135,000 บาท ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัทประกันภัย เพื่อดูแลค่าชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ppSYJzxs2cQ

คุณอาจสนใจ

Related News