สังคม

กลโกงใหม่ 'แฮกมือถือผ่านสายชาร์จ' ดูดเงินเหยื่อนับสิบราย ตร.เตือน อย่าใช้สายชาร์จคนแปลกหน้า

โดย nattachat_c

16 ม.ค. 2566

1K views

จากกรณีที่มีการนำเสนอเรื่องราวของ คุณวิษณุ หรือคุณป็อก ซึ่งได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวว่า ตัวเองถูกดูดเงินจากโทรศัพท์มือถือออกจากบัญชี ขณะที่กำลังชาร์จแบตโทรศัพท์อยู่ ทำให้สูญเงินไปกว่า 101,560 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีการกดลิงก์ใด ๆ เลย และย้ำว่าไม่รู้จักกับบัญชีปลายทาง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะถูกมิจฉาชีพควบคุมโทรศัพท์ โดยคุณป็อกได้เผยเบื้องต้นอีกว่า มีผู้เสียหายในกรณีเดียวกันกว่า 10 ราย


วันที่14 ม.ค. 2566 ทีมข่าวได้คุยกับผู้เสียหายเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้าราชการหนุ่มในพื้นที่ จ.นนทบุรี วัย 26 ปี ซึ่งถูกดูดเงินออกจากบัญชีขณะชาร์จแบตโทรศัพท์อยู่ เช่นเดียวกันกับคุณป็อก ซึ่ง ขรก.หนุ่มรายนี้ ถูกดูดเงินไปทั้งสิ้น 92,709 บาท เบื้องต้นโชว์โทรศัพท์มือถือให้ทีมข่าวดูว่าเครื่องนี้แหละ ซึ่งเป็นระบบ Android ที่ใช้ปกติ และเป็นเครื่องที่ถูกดูดเงินออกไป


โดยเจ้าตัวเล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 ม.ค.66 ที่ผ่านมา อยู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็ดับไป แต่ว่ายังสามารถฟังเสียง กดโทรศัพท์ได้อยู่ หลังจากนั้น 1 ชม. ถัดมา ก็สามารถใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ ก่อนที่บัญชีธนาคารหนึ่ง แจ้งเตือนมาว่า "เนื่องจากนโยบายความปลอดภัยของธนคาร ระบบตรวจสอบได้ว่าได้มีการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ดาวน์โหลดจาก Play Store มาใช้งาน กรุณาถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว ก่อนใช้งานแอปฯของธนาคาร" ซึ่งมองว่าเหตุการณ์นี้เริ่มผิดสังเกต


ต่อมาวันที่ 11 ม.ค. 66 วันที่เงินถูกดูดออกจากบัญชี ซึ่งตนมารู้เรื่องเมื่อตอนเปิดเข้าแอปฯ ธนาคารอีกธนาคารหนึ่ง พบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีไปหมดแล้ว ถูกโอนออกไปก้อนเดียว รวมเป็นเงิน 92,709 บาท ซึ่งถูกโดนไปยังบัญชีของ นายต่อสกุล ด่านวันดี ได้แจ้งไปยังธนาคารเพื่อให้อายัดบัญชีของตัวเองไว้ก่อน


ก่อนที่จะไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด โดยทางธนาคารแจ้งว่าจะส่งเรื่องไปตรวจสอบที่ธนาคารปลายทางให้ ขณะเดียวกันตนยังได้ไปแจ้งความที่ สอท. อีกด้วย ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์แจ้งกลับมาว่าได้รับเรื่องเอาไว้แล้ว ส่วนความคืบหน้าทางคดียังไม่มีอะไรคืบหน้า


ตนลองไปตรวจสอบประวัติดู ปรากฏว่าพบเป็นบุคคลในแบล็กลิสต์รายชื่อคนโกง ซึ่งเคยโกงพระไปก่อนหน้านี้ด้วยที่ย่านบางแค เป็นการหลอกขายตู้โชว์ฝังมุก ซึ่งเป็นชื่อบัญชีเดียวกัน และเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วมองว่าคงไม่ได้เงินคืน และมองอีกว่าบัญชีนี้เป็นบัญชีม้า แต่ว่าก็พยายามค้นหาในเฟซบุ๊ก จนกระทั่งพบน้องสาวของเจ้าของบัญชีปลายทาง น้องสาวเขาบอกกับตนว่า เจ้าของบัญชีนี้ เป็นคนเกเร ไม่รู้ว่าอยู่ไหน ทำอะไร ติดต่อไม่ได้  จึงมองว่าเป็นบัญชีม้า
-------------

ช่วงสายวานนี้ (15 ม.ค. 66) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำผู้เสียหาย 2 ราย คือนายบุรินทร์ บัวผัน และนายกิตติกร จันทร์แก้ว เข้าร้องสื่อมวลชน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกข้อมูลโทรศัพท์ ก่อนจะทำการโอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคาร มีผู้เสียหายมากกว่า 10 ราย ความเสียหายมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท


นายเอกภพ ระบุว่า วันนี้มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน เรื่องถูกแฮกโทรศัพท์ และมีการโอนเงินเข้าไปยังบัญชีอื่นๆ ซึ่งจากที่ตนได้สอบถามผู้เสียหายมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะพฤติการณ์ของมิจฉาชีพมีการพัฒนาขึ้น จากปกติก่อนหน้านี้จะมีการส่งลิงค์ต่างๆ มาหลอกให้กดเพื่อดูดข้อมูล หรือเป็นช่องทางในการเข้าถึงโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชันธนาคาร


แต่ในผู้เสียหายกลุ่มนี้ค่อนข้างระวังตัวมาก ไม่โหลดแอปแปลกๆ ไม่ชาร์จแบตหรือใช้ไวไฟสาธารณะ แต่จู่ๆ มีข้อความจากธนาคารแจ้งเตือนว่า ได้มีการโอนเงินจากธนาคารของตนเองไปยังธนาคารปลายทาง ทั้งที่ผู้เสียหายเองไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆ เลย เชื่อว่าตอนนี้มีผู้สียหายจำนวนมาก และน่าจะขยายวงกว้างออกไปอีก


ซึ่งพฤติการณ์ตั้งกล่าวเกิดขึ้นมาเมื่อช่วงต้นปี ตั้งแต่วันที่ 5-14 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเงินของผู้เสียหายจะถูกโอนเข้าไปในหลายบัญชี แต่หลักๆที่ถูกโอนเข้าไป คือบัญชีของนายจักรกฤษ นาผม โดยยอดเงินผู้เสียหายมีตั้งแต่ยอดเล็กไปจนถึง 5 แสนบาท ซึ่งโทรศัพท์ทั้งหมดที่ถูกแฮกจะเป็นโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั้งหมด

-----------

ขณะที่นายจักรกริช อินทรังษี น้องชายของ นายบุรินทร์ บัวผัน หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา กำลังนั่งคุยกับพี่ชาย ที่บ้าน เพื่อวางแผนการทำงาน


ส่วนโทรศัพท์ได้ชาร์จแบตทิ้งไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ กัน จู่ๆ มีข้อความและสลิปจากธนาคารแจ้งเข้ามาว่า มีการโอนเงินจากแอปธนาคารกสิกรของตน โอนไปยังธนาคารกสิกร ของนายจักรกฤษ นาผม จำนวน 100,000 บาท ซึ่งตนและพี่ชายตกใจมาก เพราะไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรม และยอดเงินที่ออกไปเป็นเงินจำนวนมาก และเป็นเงินที่ตนต้องใช้ในการทำงานต่อหลังจากนี้ด้วย


ตนได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.บางประอินทร์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร จึงเข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด ตอนนี้มีการรวบรวมผู้เสียหายได้มากว่า 10 ราย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด อยากให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะหากช้าอาจจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้
-----------

วานนี้ (15 ม.ค. 66) เพจ ตำรวจสอบสวนกลาง โพสต์แจ้งเตือนภัยเสียบสายชาร์จไม่ระวัง เสี่ยงถูกแฮกข้อมูลไม่รู้ตัวระบุว่า


“ปัจจุบันพบว่ามีสายชาร์จที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ที่เมื่อเราเสียบสายชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว จะทำให้เหล่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของเราได้จากระยะทางไกล โดยเเฮกเกอร์จะสามารถโจรกรรมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เลขบัญชีธนาคาร, รหัสธนาคาร, รหัสผ่าน หรืออาจจะถูกส่ง Malware อันตรายเข้ามายังอุปกรณ์


ซึ่งรูปร่างหน้าตาของสายชาร์จดังกล่าว จะมีหน้าตาคล้ายกับสายชาร์จทั่วไป มีทั้งสายชาร์จแบบ Lightning, Micro-USB หรือ USB-C จึงอาจทำให้หลายคนไม่ทันระวังตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการถูกแฮกข้อมูล ควรระมัดระวังการใช้สายชาร์จของคนเเปลกหน้า หรือ การเสียบสายชาร์จไฟจากพอร์ทรูปแบบต่างๆ ตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, สถานีโดยสารต่างๆ”
-----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/-QE-5vTOXi4

คุณอาจสนใจ

Related News