พ่อทาสยาเพี้ยน กลัวถูกพรากลูกเมีย มีดจี้ลูก 3 ขวบ บังคับปิดบ้านห้ามออก ตร.เจรจาไม่เป็นผล

พ่อทาสยาบ้าเพี้ยน กลัวถูกพรากลูกพรากเมีย บวกแรงหึง มีดจี้ลูกคนเล็ก 3 ขวบ บังคับลูกเมีย ปิดบ้านขังห้ามออก ตำรวจนำกำลังเจรจาหลายชั่วโมงไม่สำเร็จ ตรึงกำลังยังไม่จู่โจม รอสว่างเข้าคลี่คลาย


เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 2 ม.ค.66 พันตำรวจโทประเสริฐ รัศมี สารวัตรป้องกันและปราบปรามโรงพักนครหลวง ได้รับแจ้งจากนางสาวเตย อายุ 16 ปี ขอความช่วยเหลือ คุณพ่อชา อายุ 43 ปี มีอาการทางจิตเสพยาบ้าเกิดอาการกลัวจะถูกพรากลูกพรากเมีย ใช้มีดคัตเตอร์และส้อม จี้คอน้องชายวัย 3 ขวบ และบังคับแม่ และน้องสาววัย 13 ปี กับน้องชายวัย 7 ปี ไม่ให้ออกจากบ้านและห้ามไม่ให้ทุกคนไปไหน ไว้ในบ้านพัก หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งหมดในบ้านมีด้วยกัน 5 ชีวิต


กำลังตำรวจและอาสากู้ภัยเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุ พบเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง มีป่ากล้วยล้อมรอบ และติดกับบ้านเรือนของชาวบ้าน ตัวบ้านเปิดไฟส่องแสงสว่างไว้ใต้ถุนบ้าน 1 ดวง และเห็นแสงสว่างลอดส่องออกมาจากตัวบ้าน แต่ไม่เห็นผู้ก่อเหตุ โดยลูกสาววัย 13 ปี ได้ติดต่อกับพี่สาว ส่งสภาพประตูเข้าบ้าน พ่อผู้ก่อเหตุได้ใช้ผ้าขาวม้ามัดปิดล็อกประตูไว้ และส่งข้อความว่า พ่อใช้มีดคัตเตอร์และส้อม เป็นอาวุธบังคับจี้คอน้องชายวัย 3 ขวบไว้ ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในบริเวณบ้าน จะทำร้ายคนในบ้านทั้งหมด


เจ้าหน้าที่ตำรวจและนางสาวเตย ลูกสาวคนโตที่เข้าช่วยเหลือ ได้เข้าไปพูดคุยเจรจา ทางพ่อยืนกรานไม่ยอมปล่อยตัวประกัน และไม่ยอมให้ใครเข้ามาในเขตบริเวณบ้าน หากเข้ามาจะทำร้ายตัวประกัน ต่อมาได้มีเสียงแม่ขอร้องให้ทุกคนกลับไปนอนก่อน ทุกคนปลอดภัย ซึ่งนางสาวเตย เชื่อว่าแม่ถูกพ่อบังคับให้พูดเนื่องจากก่อนหน้านี้ แม่ถูกพ่อเพี้ยนยาซ้อมตีจนอยู่ด้วยกันไม่ได้ ต้องไปเช่าหอพักอยู่อาศัยชั่วคราว และวันนี้แม่ได้เดินทางมาดูแลพ่อที่ได้รับบาดเจ็บจากหกล้ม แต่พอแม่มาถึงบ้านกลับถูกบังคับจี้ให้อยู่ในบ้าน


ตำรวจพยายามเจรจาพูดคุยอยู่นาน เข้าเป็นชั่วโมงที่ 5 พ่อยังไม่มีท่าทีจะยอมปล่อยตัวประกันหรือลงมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ รับว่าที่ผ่านมาเสพยาบ้าจริงและยอมจะเข้าบำบัดกับทางอำเภอ ขอต่อรองให้ทุกคนกลับบ้านไปก่อน วันอาทิตย์จะเข้ารับการบำบัด แต่ขอให้ทุกคนหลับไปก่อน เนื่องจากนายชา ไม่ไว้ใจ ตำรวจได้ให้กำนันตำบลปากจั่นเข้าร่วมเจรจาด้วย ก็ยืนกรานให้ทุกคนกลับไปก่อน


กระทั่งเวลาประมาณ ตี 1 ครึ่ง นายชา ผู้ก่อเหตุ ได้ร้องตะโกนห้ามทุกคนเข้าในเขตบ้าน หากมีเสียงคนเดินเข้ามาหรือเสียงขึ้นบันได จะเชือดคอลูกชายวัย 3 ขวบ ทันที ทำให้ทุกคนต้องหยุด เฝ้าสังเกตการณ์ โดยมีรถกู้ชีพเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุสุดวิสัยสามารถเข้าช่วยหลือได้ทันที อีกทั้งจุดที่เกิดเหตุทางแคบและเป็นทางตัน ต้องให้เจ้าหน้าที่อาสาเคลียร์เส้น ห้ามมีรถกรีดขวางเส้นทางเข้าออก


พันตำรวจโทประเสริฐ รัศมี พร้อมด้วยชุดคอมมานโดของโรงพัก ได้เตรียมความพร้อมวางแผน สอบถามผังบริเวณบ้านจากนางสาวเตย หากเกิดเหตุสุดวิสัยต้องจู่โจมช่วยเหลือตัวประกัน ซึ่งพบว่าสภาพบ้านไม่แข็งแรง บันไดสูงถึง 13 ขั้น อีกทั้งยังไม่แข็งแรง พื้นที่หน้าประตูเข้าก็ไม่มีที่ยืนและเป็นบ้านไม้สภาพเก่า กำลังจู่โจมยากในการปฏิบัติหน้าที่ จึงสั่งกำลังเฝ้าและติดต่อกับน้องสาวเป็นระยะ ท่ามกลางความเป็นห่วงของชาวบ้านและทุกฝ่าย


ด้านชาวบ้านข้างเคียงบอกว่า สองสามีภรรยาครอบครัวนี้ทะเลาะกันเป็นประจำ จนกลายเป็นเรื่องปกติของเพื่อนบ้าน หากไม่แจ้งตำรวจเหตุการณ์ก็จะสงบไปเอง เป็นอย่างนี้ทุกวัน และชาวบ้านส่วนใหญ่ปิดบ้านเงียบไม่ได้ออกมาดูเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก และมาจนถึงขณะนี้ตำรวจยังคงเฝ้าระวังวางแผนช่วยเหลือกันอยู่


ความคืบหน้าล่าสุด พันตำรวจโทประเสริฐ รัศมี ยังคงสั่งให้ตรึงกำลังเฝ้าบ้านของนายชา อย่างใกล้ชิด ไม่ตัดสินใจจู่โจมเข้าไปชิงตัวประกันหรือจับกุมนายชา เกรงว่าเด็กจะเป็นอันตราย ตลอดคืนนายชา ยังคงปิดบ้านเงียบ ต้องรอให้สว่างวางแผนเจรจาอีกครั้ง ตำรวจยังเชื่อว่าด้านในบ้านเหตุการณ์ปกติ จากการแอบคุยกับลูกสาวที่ถูกบังคับอยู่ด้านใน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Cgx3QqWLUB4