สังคม

ชูวิทย์ ลักลอบขึ้นลิฟต์พบอสส. ยื่นหนังสือขอให้คดีทุนจีนสีเทา เป็นคดีนอกราชอาณาจักร

โดย nutda_t

9 ธ.ค. 2565

270 views

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางไปขอเข้าพบ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อขอให้คดีทุนจีนสีเทา เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่จะทำให้อัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เนื่องจากโดยพฤติการณ์แล้วเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ จากการนำเข้ายาเสพติดข้ามชาติจากประเทศจีนมายังประเทศไทย



โดยก่อนที่นายชูวิทย์ จะขึ้นไปพบอัยการสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า เนื่องจากตนเห็นว่า คดียาเสพติดที่นายตู้ห่าวตกเป็นผู้ต้องหา มีส่วนเกี่ยวพันกับการนำเข้ายาเสพติดมาจากประเทศจีน ซึ่งบรรจุภัณฑ์ยาเสพติดก็มีการติดฉลากภาษาจีนชัดเจน อีกทั้งนายตู้ห่าวเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางระหว่างประเทศ จึงเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นคดีนอกราชอาณาจักรได้ โดยอัยการสูงสุดจะเข้ามารับผิดชอบในคดีได้ทันที ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน จึงมาเพื่อขอยื่นหนังสือแก่อัยการสูงสุดเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ยื่นให้แก่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดแต่อย่างใด



นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการตั้งข้อหาดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวของตำรวจว่า มีเพียงคดียาเสพติด 3 ข้อหาเท่านั้น คือ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันค้ายาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ไม่ปรากฎว่ามีการตั้งข้อหาฟอกเงินแต่อย่างใด ทั้งที่ข้อหายาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ จะต้องดำเนินคดีเรื่องการฟอกเงินกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดด้วย เมื่อไม่มีการตั้งข้อหาฟอกเงินกับนายตู้ห่าว การยึดอายัดทรัพย์สินของนายตู้ห่าวก็ไร้ความหมาย เนื่องจากเป็นเพียงการยึดอายัดชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ยึดมาดำเนินคดีฟอกเงินขายทอดตลาด



และเมื่อไม่มีคดีฟอกเงินของนายตู้ห่าวเป็นมูลฐาน ก็ทำให้นางพัชรินทร์ รอดข้อหาสมคบกันฟอกเงินกับนายตู้ห่าว ทั้งที่นางพัชรินทร์มีพฤติการณ์รับโอนเงินจากนายตู้ห่าว ซึ่งมีพยานหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน และ statements ชี้ชัด แต่ทางตำรวจให้นางพัชรินทร์ เป็นเพียงแค่พยาน



จึงมองว่าถ้ากระบวนการทำสำนวนของตำรวจผิดพลาดแบบนี้ อาจจะทำให้คดีนี้หลุดรอดได้ในชั้นศาล ซึ่งอาจจะซ้ำรอยคดีทัวร์ศูนย์เหรียญที่ศาลฎีกายกฟ้องไป จึงฝากเรียกร้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ว่า ทำไมถึงไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินแก่นายตู้ห่าว มีตำรวจมีส่วนเอี่ยวหรือช่วยเหลือในการเลี่ยงตั้งข้อหาฟอกเงินหรือไม่ และจะนำเรื่องนี้ให้ทางอัยการสูงสุดตรวจสอบด้วย



นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ใช่ไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจ แต่การปล่อยให้ตำรวจอย่างเช่น สน.ยานนาวา หรือนครบาล ทำหน้าที่สอบสวน ก็ปรากฎข้อผิดพลาดจากตำรวจอย่างต่อเนื่อง เช่น การปล่อยรถของกลางและหมายจับที่ล่าช้า จึงเชื่อมั่นและไว้วางใจอัยการสูงสุดซึ่งมีความเป็นนักกฎหมายสูงกว่าตำรวจที่จบแค่นายร้อย ย้ำว่าสิ่งที่ตนทำและยอมเหนื่อย เป็นเพราะต้องการทำให้สังคมเข้มแข็ง ใครที่คิดว่าจะรอด จะเล่นงานตน หรือบิดพริ้วทำให้คดีนี้หลุดรอด ขอให้ข้ามศพตนไปก่อน ตนเอาจริง พร้อมคมเฉือนคม เตือนว่าอย่าเดินหมากพลาด ตนพร้อมซ้ำเติม



ส่วนประเด็นที่จะมีการมอบส่วนแบ่ง 5% จากการยึดทรัพย์สินนายตู้ห่าวให้แก่ตน พร้อมแต่งตั้งตนเป็นที่ปรึกษาเลขาธิการ ป.ป.ส.นั้น ตนขอปฏิเสธรับตำแหน่งดังกล่าว และเงิน 5% หากได้รับจริง ตนจะนำไปบริจาคให้แก่โรงพยาบาลและสถานบำบัดผู้ป่วยยาเสพติดทั้งหมด ไม่ขอรับแม้แต่บาทเดียว สิ่งที่ตนทำตนไม่ต้องการเกียรติยศใด ๆ ขอแค่ทำให้สังคมเข้มแข็งเป็นพอ ส่วนเหรียญที่ทาง รมว.ยุติธรรม มอบให้ ตนก็รับและขอขอบคุณ ส่วนกระบวนการคุ้มครองพยานที่มีการเสนอแก่ตน ตนก็ไม่รับเช่นกัน เพราะไม่ได้ใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายแต่อย่างใด จริงๆ ไม่จำเป็น อีกทั้งยังเปิดเผยอีกว่า ในเร็ว ๆ นี้ จะเตรียมแถลงเปิดโปงการทำงานของ ตม.ไทยที่มีเอี่ยวช่วยเหลือทุนจีนสีเทาด้วย



จากนั้น นายชูวิทย์ ได้พยายามขอขึ้นไปพบอัยการสูงสุดที่ชั้น 9 แต่ทางเจ้าหน้าที่พยายามให้นายชูวิทย์ ส่งมอบเอกสารผ่านโฆษกอัยการสูงสุด แต่นายชูวิทย์ไม่ยอม ยืนยันที่จะรอพบอัยการสูงสุดเท่านั้น พร้อมระบุว่า ตนเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่ง อัยการสูงสุดก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ทำไมตนจะขอเข้าพบไม่ได้ มีช่วงจังหวะหนึ่งที่นายชูวิทย์ พยายามขึ้นลิฟท์ไปชั้น 9 ก่อนจะลงมาที่ชั้นล่างอีกครั้ง พร้อมโฆษกอัยการสูงสุดและรองอัยการสูงสุด โดยมีรายงานว่า ทางอัยการสูงสุดกำลังติดธุระและเตรียมจะให้นายชูวิทย์ เข้าพบต่อไป



ทั้งนี้มีรายงานว่า หลังจากพบอัยการสูงสุดเสร็จ นายชูวิทย์ จะเดินทางต่อไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อติดตามการแถลงข่าวยึดทรัพย์นายตู้ห่าวต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ