สังคม

"ชูวิทย์" แฉมีชื่อ "ธรรมนัส" ช่วยประสานเครื่องบิน "ตู้ห่าว" ลงจอดสนามบินร้อยเอ็ด

โดย nutda_t

23 พ.ย. 2565

2.2K views

ที่อาคารรัฐสภา ระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ และนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ที่วันนี้ทั้ง 2 คน มายื่นเรื่องต่อ กรรมาธิการ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบกัน ซึ่งทั้งคู่เจอกันแบบห่างๆ โดยทันทีที่นายสันธนะ มาถึง นายชูวิทย์ ได้ตะโกนถามว่า "คุณสันธนะใส่กระโปรงมาหรือเปล่า วันนั้นหนีไปทำไม อย่าเก่งลับหลัง" แล้วพยายามจะเข้าไปถึงตัวนายสันธนะ ก่อนจะอ่านประกาศราชกิจจานุเบกษา ที่ปริ้นมาเป็นบอร์ดแผ่นใหญ่ กรณีที่นายสันธนะ เคยถูกประกาศไล่ออกจากตำรวจ ด้านนายสันธนะ ก็ยืนให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ไม่ได้เดินเข้าไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ใช้กำลังหลายนายมาประจำการในพื้นที่ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่ง หรือมีเหตุความรุนแรง มีการตั้งกล้องวงจรปิดแยกเฉพาะมาบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย



ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้ยื่นเรื่องต่อ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. ต้องการให้กรรมาธิการ ป.ป.ช. สอบสวนเส้นทางการเงินของ นายสันธนะ หลังพยายามเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา ทั้งที่เป็นเพียงอดีตนายตำรวจ ที่ถูกไล่ออกจากราชการ อีกทั้งยังพบว่า นายสันธนะ มีความร่ำรวย มีรถหรู และบ้านราคาแพง



นายชูวิทย์ บอกว่า เวลานี้ควรหมดยุคมาเฟียได้แล้ว อีกทั้งพฤติกรรมของนายสันธนะ ยังเป็นอันตรายต่อสังคม ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล นอกจากนี้ยังได้เปิดข้อมูลเพิ่มกับสื่อมวลชน เป็นเอกสารการขออนุญาตให้ขึ้นจอดเครื่องบินส่วนตัวของนายตู้ห่าว นักธุรกิจจีน ที่ก่อนหน้านี้ออกมาแฉว่าจอดซ่อมบำรุงอยู่ที่ สนามบิน ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา มีการขอลงจุดพักเครื่อง ที่ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด โดยมีชื่อผู้ร่วมเดินทาง คือ ร้อยเอกธรรมนัส



นายชูวิทย์ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หลักฐานชุดนี้ ตนได้คุยกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ แล้ว นายตู้ห่าวเป็นคนจีน ไม่รู้เรื่องการเมืองไทย แต่มีคนพานายตู้ห่าวไปพบกับคนที่ชอบสะสมนาฬิกา เพื่อไปกราบให้เห็นถึงบารมี จากนั้นก็มีการส่งมอบนาฬิกาปาเต๊ะมูลค่า 10 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีเรื่องเงินหลาย 100 ล้าน เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเงินบริจาคให้พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 3 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายตู้ห่าว มี 2 สัญชาติ ทั้งไทยและจีน และยังใช้พาสปอร์ตจีนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าข้อกฎหมายของ กกต. ให้คนที่ถือ 2 สัญชาติ บริจาคเงินพรรคการเมืองได้หรือไม่ ส่วนหลังจากนี้ถือเป็นหน้าที่ของตำรวจในการตรวจสอบ เพราะวันนี้ถือว่าหมดหน้าที่ของตนแล้ว



นายชูวิทย์ บอกด้วยว่า ไม่มีปัญหาส่วนตัว หรือบาดหมางกับร้อยเอกธรรมนัส แต่นายสันทนะ เป็นคนพูดเองในรายการทีวีรายการหนึ่ง ว่า ร้อยเอกธรรมนัส ฝากให้นายสันทนะ ดูแลคนจีนเหล่านั้น นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการพาดพิงถึงชื่อร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่า ไม่ได้มาจากตนเอง ทั้งนี้ หลักฐานที่มีไม่ทราบว่ามีความเชื่อมโยงกันอย่างไรระหว่างร้อยเอกธรรมนัสกับนายทุนจีน แต่หลักฐานทั้งหมดจะมอบให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เท่านั้น และอยากให้ ผบ.ตร. เร่งดำเนินการ โดยมอบหมายให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เพราะเป็นคนคล่องแคล่วว่องไว



ส่วนร้อยเอกธรรมนัส ถึงขั้นเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของนายทุนจีนหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า บุคคลนั้นเป็น ส.ส. มีเอกสิทธิ์ ตนไม่ขอพูดพาดพิง ขอให้เป็นหน้าที่ของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ดีกว่า



เมื่อถามย้ำว่า มั่นใจในฝีมือของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีเส้นอยู่เส้นหนึ่ง ขอแค่อย่าล้ำเส้น แต่หากมีการล้ำเส้นก็จำเป็นต้องดำเนินการ ยิ่งหากข้างบนไฟเขียวก็ยิ่งช่วยไม่ได้ ส่วนตนเองเป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น หมายจับที่ตนเองกระทุ้งทุกวัน จนที่สุดแล้วจึงมีหมายจับออกมาเมื่อวาน และคิดว่าท้ายที่สุดจะเจอตอแน่นอน เพราะหากไม่เจอตอ คงไม่สามารถสลับตัวผู้ต้องหาและปล่อยรถของกลางออกไปได้ รวมถึงการออกหมายจับที่ล่าช้า ไม่เจอตอวันนี้ก็ไม่รู้จะเจอตอวันไหน แต่ที่เจอคือตอจีน ที่ทำธุรกิจสีเทามาหากินแล้วก็ไป ที่มาวันนี้เพราะจีนปิดประเทศ เพราะมีการปราบคอลเซ็นเตอร์

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ