สังคม

ออแกไนซ์ โต้ "บ่าว-สาว" เล่าเกินจริง ยืนยันไม่เคยพูดให้โฟกัสชีวิตหลังแต่งงาน กับลูกค้ารายนี้

โดย paranee_s

14 พ.ย. 2565

16.1K views

จากกรณีที่ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. หลังจ้างออแกไนซ์ 1 แสนบาทจัดงานแต่งงาน แต่ออกมาไม่ตรงปก


นางสาว ณัฐฐิณี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โพสต์หาออแกไนซ์รับจัดงานแต่งในกลุ่มเฟซบุ๊ก แล้วออแกไนซ์เจ้านี้อินบ็อกเข้ามาและตกลงเลือกแพ็คเกจราคา 119,000 บาท จ่ายมัดจำงวดแรกไป 54,000 บาท


จนวันที่ 22 ตุลาคม นัดเซตหน้างานกันทุ่มครึ่ง แต่ออแกไนซ์โทรมาขอเลื่อนเป็น 4-5 ทุ่ม และได้จ่ายเงินงวดที่สอง 35,000 บาท พอเช้าวันงาน ของที่ตกแต่งไม่เหมือนภาพที่ตกลงกันไว้ และออแกไนซ์ก็บอกว่าเดี๋ยวจะเอาของเข้ามาเพิ่มให้ แต่พอถึงช่วงแห่ขันหมาก กลับเปิดเครื่องเสียงไม่ได้ ต้องแห่กันเองเงียบๆ ช่วงสวมแหวน ทางออแกไนซ์ ต้องเอาไปใส่พาน แต่พอถึงเวลาก็ไม่มีพาน แต่ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง


พอช่วงเย็น หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดราตรี และบ่าวสาวเริ่มถ่ายรูปกับแขก ออแกไนซ์ก็เริ่มทยอยเก็บของ ก่อนจะมาสะกิดแล้วบอกว่า "ขอเก็บเงินงวดสุดท้าย" พอจ่ายเงินให้ ออแกไนซ์ก็เก็บของกลับไปเลย และที่พีคสุด คือ ตอนที่เตรียมจะเข้าช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ นักดนตรีบอกว่า อีก 10 นาทีจะลงแล้ว เพราะออแกไนซ์ดีลไว้ถึงแค่ 3 ทุ่ม ทั้งที่ตกลงกับออแกไนซ์ว่าต้องลง 5 ทุ่ม ความตอนนั้นรู้สึกทุกอย่างพังไปหมดแล้วถึงกับนั่งร้องไห้ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อจากทางออแกไนซ์อีกเลย


ตนจึงตัดสินใจโพสต์เรื่องนี้ลงเฟซบุ๊ก ทางออแกไนซ์ถึงได้ติดต่อกลับมาต่อว่า ขู่จะฟ้องข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมยอมรับผิดแค่เรื่องนักดนตรี ส่วนเรื่องอื่นพยายามแก้ตัวไม่ยอมรับ และยังบอกว่า "ให้ไปโฟกัสชีวิตหลังแต่งงานไม่ใช่งานแต่ง"


ฟากเจ้าสาวยืนยัน จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการที่ออแกไนซ์บอกว่า การที่เธอโพสต์เป็นการทำลายอนาคต ก็เทียบไม่ได้กับที่เธอถูกทำลายงานแต่งงานเหมือนกัน


ต่อมาทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามกับทางออแกไนซ์ ซึ่งเปิดเผยว่า ทางออแกไนซ์ยอมรับในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทุกอย่าง แต่ขอชี้แจงว่า รายละเอียดไม่ได้เป็นถึงขนาดที่ลูกค้าออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยเรื่องทั้งหมดค่อนข้างเกินจริง


สำหรับเรื่องแบคดรอป ยอมรับว่าตนผิดพลาดที่ไม่ได้เตรียมหญ้าเทียมไปปูให้ แต่ในวันงานได้สอบถามลูกค้าแล้วว่าโอเคหรือไม่ ก่อนที่จะให้จ่ายเงิน ซึ่งลูกค้าก็บอกว่าโอเค ตนไม่ได้บีบบังคับให้จ่ายเงิน ซึ่งวันงานก็ยังคุยกันอยู่ดี ๆ หลังเสร็จพิธีการทุกอย่าง ตนก็ถามลูกค้าว่าชอบไหม ลูกค้าก็บอกว่าโอเค ชอบ ตนเป็นคนเรียบง่ายอยู่แล้ว


ส่วนเรื่องที่ตนกลับก่อนเวลา ก็ไม่ได้กลับก่อนถึงขนาดที่ลูกค้าเล่า โดยตนยืนยันว่าตอนที่ตนกลับ คือหลังจากเสร็จพิธีการทุกอย่างแล้ว ประมาณ 3-4 ทุ่ม ไม่ใช่ 2 ทุ่ม


และเรื่องวงดนตรี ก็ยอมรับผิด ว่าดีลเวลาผิดพลาดไป และไม่สามารถจะยื้อให้เล่นต่อได้ ซึ่งตนได้พยายามจะแก้ไขสถานการณ์ โดยการเจรจาจะขอจ่ายเงินเพิ่มให้วงดนตรีเล่นต่อแล้ว แต่วงไม่สามารถอยู่ต่อให้ได้จริงๆ ดังนั้น เมื่อลูกค้าติดต่อมา ตนยอมรับว่าไม่กล้ารับสายเลยเลี่ยงไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะให้คำตอบกับลูกค้ายังไง


แต่สำหรับในส่วนพิธีการและการรันงานทุกอย่าง ยืนยันว่าตนเทคแคร์อย่างดี และไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวง หรือจะเทลูกค้า แต่เงินค่าแพคเกจ 1 แสนกว่าบาท ก็คือรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ส่วนใหญ่จะไปหนักที่ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ใช่แค่ค่าตกแต่งจัดงาน ดังนั้น จะมาคาดหวังให้งานอลังการก็คงไม่ใช่


ทั้งนี้ ที่ลูกค้าบอกว่าหลังเกิดเหตุตนได้บอกให้ไปโฟกัสชีวิตหลังแต่งงานมากกว่างานแต่ง ขอชี้แจงว่าไม่ได้พูดกับลูกค้ารายนี้ แต่แชตกับคนอื่นที่ทักมาหา ยืนยันว่าไม่เคยพูดแบบนี้กับลูกค้ารายนี้เลย และที่ลูกค้าบอกว่ามีผู้เสียหายเยอะเป็น 100 กว่าคู่ก็ไม่จริง ตนเพิ่งเคยจัดงานให้ไม่ถึง 30 คู่ และก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเพียงแค่ 2 คู่เท่านั้น


อย่างไรก็ตาม การที่ลูกค้าต้องการจะให้เยียวยานั้น ตนก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินส่วนไหนมาเยียวยา เพราะนำเงินไปจัดงานให้หมดแล้ว ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแล้ว ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ตนยอมรับ และอยากให้เรื่องจบ ตนพร้อมเจรจาพูดคุยกัน แต่ที่ไม่อยากออกสื่อเพราะตนก็มีครอบครัว มีสังคม ไม่อยากให้มีผลกระทบ


ทั้งนี้ ตนขอฝากขอโทษลูกค้าผ่านทางสื่อ หากจะดำเนินการตามกฎหมาย ตนก็พร้อมรับผิดชอบ แต่หลังจากนี้ ตั้งใจว่าจะรอให้ลูกค้าอารมณ์เย็นก่อน แล้วจะติดต่อไปคุยกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะฟ้องที่ลูกค้าโพสต์นั้น ตนคงไม่ทำ

คุณอาจสนใจ

Related News