สังคม

ผู้เสียหาย ร้อง ทนายเดชา เต็นท์ย้อมแมวขายรถพัง หนักถึงขั้นล้อหลุด ซ้ำพยายามคืนรถแต่ถูกปฏิเสธ

โดย paranee_s

7 พ.ย. 2565

1K views

จากกรณีนางสาววรรณพิชา อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย และทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาเปิดเผย กรณีถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด ย้อมแมวหลอกขายรถกระบะมือสอง สภาพไม่พร้อมใช้งาน


ผู้เสียหาย เล่าว่า สามีเธอได้ติดต่อไปยังเต็นท์รถดังกล่าวเพื่อจะซื้อรถยนต์มือสอง ตอนแรกมีการส่งรูปและพูดคุยกับตามปกติ และนัดไปดูรถกันซึ่งเป็นรถอีกรุ่นกับคันที่เกิดเหตุ แต่วันนัดรับรถทางเต็นท์กลับเสนอรถอีกรุ่นมาให้ ซึ่งทางผู้เสียหายเห็นว่า ตอบโจทย์ที่จะนำมาขนของ อีกทั้งเซลล์ยังบอกว่ารถคันที่เสนอไม่เคยผ่านอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อน เธอจึงยอมเปลี่ยน


แต่ระหว่างนั้นก็ยังไม่เห็นรถของจริง เซลล์บอกว่า ให้ทำสัญญาก่อน อ้างว่าช่างกำลังทำรถให้เธออยู่ โดยราคารถอยู่ที่ 409,000 บาท โดยจ่ายค่าจองรถ ราคา 5,000 บาท


จากหลังทำสัญญาเสร็จ เซลล์ก็พาไปดูรถ เธอก็ไปเปิดประตูรถ ปรากฏว่าคอนโซลตรงประตูฝั่งคนขับหลุดคามือของเธอ ทางร้านจัดการซ่อมให้ใหม่ทันที ซึ่งตอนนั้นเธอก็เอะใจแล้ว


เมื่อซ่อมเสร็จ เธอและสามีขับรถออกมาจากเต็นท์ ขับออกมาได้ประมาณ 100 เมตร ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายมีอะไรพัง จากนั้นเธอก็เห็นล้อรถด้านหน้าซ้ายหลุดไหล วิ่งนำหน้ารถ ไปพุ่งชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย


นาทีนั้นเธอตกใจ เพราะตัวรถครูดไปกับผิวถนนจนเกิดประกายไฟ เธอจึงพยายามจอดรถ และลงมาดูความเสียหาย พร้อมโทรศัพท์กลับไปหาเซลล์ทันที ทางเต็นท์จึงส่งรถลากมานำรถกลับไปที่เต็นท์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจาค่าเสียหายกับร้านสเต็ก พร้อมรับปากจะชดใช้ค่าเสียหายกับร้านสเต็ก


เมื่อกลับไปที่เต็นท์รถ เธอได้บอกเซลล์ว่า ต้องการคืนรถ เพราะไม่กล้าขับแล้ว ห่วงความปลอดภัย อีกทั้งสภาพรถไม่พร้อมใช้งาน จึงขอยกเลิกสัญญา และคืนรถแต่เต็นท์รถปฏิเสธกลับมา บอกว่า "สัญญาเกิดขึ้นแล้ว ยกเลิกไม่ได้" และเซลล์ได้เสนอให้เธอเปลี่ยนประกันรถแทน จากประกันชั้นสองเป็นประกันชั้นหนึ่ง


จังหวะนั้นเธอไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ต้องจำใจต้องขับรถคันดังกล่าวกลับบ้าน ที่จังหวัดชลบุรี และระหว่างทางระหว่างทางฝนตก เธอและสามีเปียกฝน เพราะรถหลังคารั่ว


ระหว่างนั้นเธอก็ไม่ได้ใช้รถเลย และทางร้านสเต๊กที่เสียหายได้โทรศัพท์มาทวงค่าเสียหายกับเธอและสามี บอกว่า "หากไม่มาชดใช้ค่าเสียหาย จะไปแจ้งความดำเนินคดี ในฐานะคนขับรถและเจ้าของรถ" เธอก็ตกใจ เพราะตอนแรกทางเต็นท์บอกว่าจะรับผิดชอบให้ แต่เมื่อกลับไปสอบถาม ก็ตอบกลับมาว่า "รถมีประกันชั้น 1 แล้ว ก็ให้ประกันจัดการไป ทำไมต้องให้เต็นท์จ่าย"


และเมื่อเธอนำรถไปตรวจสภาพกับศูนย์ ก็พบว่า รถพังทั้งคัน โครงรถส่วนล่างเบี้ยวคต ช่างสันนิษฐานเกิดจาก รถเคยผ่านการถูกชนมาอย่างหนัก มีสนิมตามนอตต่าง ๆ ภายในรถ คาดว่ารถอาจจะจมน้ำมาก่อน หลังคารั่ว มีคราวกาวตามจุดต่างๆ ในรถ ปุ่มสัญญาณขอทางชำรุด บันไดข้างรถชำรุด และล้อที่หลุดเกิดจากไม่มีนอตยึดไว้


จากนั้นผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด และตำรวจได้พาผู้เสียหายไปที่เต็นท์รถดังกล่าว เพื่อทำการเจรจากับทางเต็นท์ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่สามารถทำการเจรจาได้ เนื่องจากเจ้าของเต็นท์รถไม่อยู่ และมีท่าทีปฏิเสธ พูดจาไม่ดีกับเธอ และมีท่าทีไม่พอใจ เธอยอมรับว่าเสียความรู้สึก เพราะรถคันนี้เป็นรถคันแรกที่ตั้งใจจะซื้อมาใช้หาเลี้ยงครอบครัวแต่กลับต้องมาเจอกับปัญหา


ซึ่งเธอ ยืนยันต้องการคืนรถและยกเลิกสัญญาการเช่าซื้อ แล้วไม่ขอรับการเปลี่ยนรถเป็นคันอื่นจากเต็นท์รถ เพราะไม่ไว้ใจแล้ว โดยหลังจากนี้จะ นัดหมายเจรจาอีกครั้งกับเจ้าของเต็นท์รถในวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน


ทนายเดชา บอกว่า กรณีดังกล่าว มีความผิด ฐานขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ และได้ยื่นข้อเสนอให้ทางเต็นท์ยกเลิกสัญญากับผู้เสียหาย และคืนเงินค่ามัดจำ ทั้งยังได้ตั้งข้อสังเกต เรื่องทะเบียนรถยนต์ ที่รถมีอายุการใช้งานมามากกว่า 10 ปี แต่ป้ายทะเบียนกลับเป็นหมวดป้ายทะเบียนใหม่ที่มีการจดทะเบียนในปี 2563 ซึ่งอาจจะเป็นการเลี่ยงการตรวจสอบ เพื่อนำมาขาย


คุณอาจสนใจ

Related News