สังคม

เจ้าของผับรวมตัวโต้ หลังมีเพจแฉพัทยาเก็บส่วย แจงภาพสนิทกับ ตร. แค่ประชุม

โดย nattachat_c

25 ต.ค. 2565

94 views

จากกรณี คลับวัน ผับดังเมืองพัทยา ย่านถนนเพ็ชรตระกูล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอบางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรี และ ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เข้าการตรวจสอบ


แต่ปรากฎว่า มีการปะทะคารม ระหว่างเจ้าหน้าที่กับเจ้าของผับ ตามคลิปที่แพร่ในโซเชียล ส่วนนักเที่ยวกว่า 200 คน พากันแตกฮือ ไม่ให้ตรวจปัสสาวะ กรูกันวิ่งหนีออกจากผับ ด้านตำรวจยึดห่อพลาสติกใส บรรจุสิ่งคล้ายสารเสพติดเกลื่อนพื้น ก่อนควบคุมคนดูแล แจ้ง 4 ข้อหาหนัก

1. จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด

3. เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

4. ยินยอมหรือปล่อยประละเลยให้มีการพกพาอาวุธ วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดเข้าไปสถานที่ของตน

และส่งตัวให้ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย


ซึงชายที่ปรากฏในคลิป ได้กล่าวอ้างพาดพิงเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ และได้บอกว่าจ่ายเงินไปร้อยกว่าล้าน ซึ่งต่อมา ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกมาบอกว่าไม่รู้จักชายคนนั้น


และต่อมาในวันรุ่งขึ้น ด้านนายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร อายุ 45 ปี และ นาย แบ้งค์ วรรณสีทอง อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้บริหารของ ผับคลับวัน และเป็นชายที่ปรากฏในคลิป ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจกับผู้สื่อข่าว สิ่งที่พูดไปในคลิปในวันเกิดเหตุ เพียงเพราะเมา ไม่เคยเคลียร์ ขอโทษจริงๆ


พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว กรณีที่มีชายแสดงพฤติกรรมเอะอะโวยวายเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำให้สะเทือนถึงความเชื่อมั่นของผู้บังคับใช้กฏหมาย จึงทำให้ ผบ.ตร. และ รอง.ผบ.ตร. มีการกำชับสั่งการให้มีการดำเนินคดีกับทุกฝ่าย เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ดำเนินคดีกับ นายมนู ยิ้มอยู่ อายุ 37 ปี ผู้ดูแลผับดังกล่าว ในข้อหากระทำความผิด พรบ.สถานบันเทิง และ พรบ.จำหน่ายสุรา แต่เมื่อจากดูคลิปในวันเกิดเหตุอย่างละเอียด อาจจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม


อีกทั้งเตรียมประสานเมืองพัทยา เพื่อเข้าตรวจสอบ ในเรื่อง พรบ.ควบคุมอาคาร ว่ามีการขออนุญาตใช้อาคารที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ เตรียมสอบสวนเจ้าของผับตัวจริง ซึ่งจากแนวทางการสอบสวนทราบว่า คือ 'กู๋เอี๋ยว' ที่มีประวัติเกี่ยวข้องคดีฟอกเงิน และ ยาเสพติด รวมทั้งหุ้นส่วนคนอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด


ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา รวบรวมสำนวนการสอบสวนทั้งหมด และเร่งทำเรื่องเสนอ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี สั่งปิดสถานบันเทิงดังกล่าว 5 ปี ตามคำสั่ง คสช. 22/2558


ส่วนยาเสพติดจำนวนมากที่ตกอยู่ในผับ ให้ร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจสอบหารอยนิ้วมือแฝง และ ดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของ


ส่วนประเด็นสุดท้าย ที่มีกระแสดราม่า เรื่อง นักเที่ยวกว่า 200 คนไม่ยอมให้ตรวจปัสสาวะ พากันแตกฮือออกจากผับ ในเรื่องนี้มีการดูคลิปหลายรอบ พบว่า มีชายฉกรรจ์ 3 คน พยายามปลุกปั่นให้นักเที่ยวลุกฮือ หนีออกจากผับ จะทำให้เจ้าหน้าที่ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในประเด็นนี้ ตำรวจเตรียมดำเนินคดี กับชายทั้ง 3 คน ที่ปรากฏในคลิป ในข้อกล่าวหา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่


ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เผยว่า สำหรับสถานบริการที่ได้มีการจับกุมไปแล้ว และเป็นกระแสโด่งดัง ในขณะได้มีการหารือกับผบ.ตร. เพื่อขยายผลไปถึงเจ้าของตัวจริง และนอมีนี คาดว่าเจ้าของน่าจะเป็นคนจีน โดยได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายเร่งตรวจสอบทั้งหมด หากพบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างสูงสุด


ทั้งนี้ ได้ให้ ผกก.ตม. นำข้อมูลการตรวจสอบเรื่องของการอนุญาติให้คนลักษณะเช่นนี้เข้ามาอยู่ในประเทศได้อย่างไร และเข้ามาประเทศด้วยวีซ่าอะไร หากเข้ามาโดยวีซ่าท่องเที่ยว สามารถเข้ามาประกอบอาชีพดังกล่าวได้อย่างไร


ส่วนกรณีที่มีคลิปออกมาว่า มีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐนั้น หลักจากวันนี้ไปหากพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลับวัน พัทยา ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำเรื่องดังกล่าวให้ปรากฎ ใครทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ หากมีตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐส่วนไหนเข้าไปเกี่ยวข้อง ในการเรียกรับผลประโยชน์ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ละเว้นอย่างแน่นอน

--------------

วานนี้ (24 ต.ค. 65) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อว่า เพจ เรียกร้อง ความจริง  ออกมาแฉว่าในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี มีการเรียกเก็บส่วยจากร้านผับบาร์ พร้อมกับโชว์ภาพ เป็นลิสต์ร้านแต่ละร้านที่เก็บส่วย ร้านขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก ตามภาพเกือบ 20 ร้าน ร้านละ 30,000 บาท


ข้อความระบุว่า “พัทยาเก็บส่วยแบบนี้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน จะว่ายังไงครับ วันที่ 18 เรียกผู้ประกอบมาที่ร้านเมอเมด แล้วมีหน้าเสื่อมาเรียกเก็บเงินที่หลัง คนของหน่วยงานผู้การจังหวัดชลบุรี ยุคนี้เศรษฐกิจก็แย่อยู่แล้ว ยังซ้ำเติมประประชาชนอีก เมื่อไรส่วยจะหมดจะระบบเมืองไทยสักที ฝากท่าน ผบ.ตร และ รอง ผบ.ตร บิ๊กโจ๊ก ให้ช่วยตรวจสอบด้วยครับ”


จากนั้นเวลา 20.20 น. ทีมข่าวสอบถามไปยัง พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนันนท์ทีวสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบรี กล่าวว่า อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง รอให้ตำรวจภูธรภาค 2 เป็นคนชี้แจง


เมื่อถามว่า จากการที่เฟซบุ๊กดังกล่าวออกมาแฉ ซึ่งมีภาพลักษณะคล้ายกับทาง พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ปรากฏอยู่ในภาพนั้นด้วย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ  ระบุว่า รอให้ทางคณะกรรมการเป็นฝ่ายตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อน  ตอนนี้สามารถให้ข้อมูลได้เพียงแค่นี้ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับการตรวจสอบ เพราะมีบางส่วนมีเรื่องผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


เมื่อถามว่าอย่างตัวของ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ  เองก็พร้อมให้คณะกรรมการตรวจสอบใช่หรือไม่ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ  ยืนยันว่า ตนอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว


ขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แอคเคาท์นี้เพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อวันที่ 23 ต.ค.65 ก่อนจะออกมาโพสต์ข้อความแฉวานนี้ (24 ต.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ซึ่งเมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว มีการโพสต์เฉพาะเรื่องราวของการเก็บส่วยพร้อมกับความสนิทสนามของเจ้าของผับกับเจ้าหน้าที่รัฐ


นอกจากการแฉเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐเก็บเรียกเก็บส่วยแล้วนั้น เฟซบุ๊กดังกล่าว ยังมีการเผยภาพให้เห็นถึงความสนิทนมระหว่างเจ้าของผับกับทางตำรวจอีกด้วย


เริ่มต้นจากการโพสต์ภาพเจ้าของ Club one พัทยา คือเสี่ยแบงค์ และเสี๋ยเอี๋ยว ที่แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ผู้การเมืองชลฯ  เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ข้อความระบุว่า “เจ้าของ Club one พัทยา เสี่ยแบงค์ กับเสี่ยเอี๋ยว บอกไม่เคยรู้จักตำรวจใหญ่ๆ ไม่เหมือนกับในคลิปเสียงในข่าว จ่ายเงินไปแล้วจะกลัวอะไร พูดออกไปแล้วคืนคำแบบนี้เสียชื่อหมด มอบกระเช้ายินดีถึงที่ ไม่รู้จักจริงๆหรอ ถึงขนาดเรียกผู้กำกับสืบชลบุรีว่าพี่ และคอยให้คำแนะนำ คงจะปฎิเสธไม่ได้นะว่าสนิทกันแค่ไหน”


ต่อมา มีการเผยอีกว่าเสี่ยแบงค์ถึงขั้นสนับสนุนเงินให้โรงพักพัทยา ข้อความระบุว่า “ถึงขนาดเสี่ยแบงค์เจ้าของผับ Club one สนับสนุนเงินให้โรงพักพัทยา แบบนี้จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงที่ร้านตัวเองโดนลง สรุปรู้จักตำรวจใหญ่ หรือไม่รู้จักเอาให้แน่ สนิทกับตำรวจใหญ่ๆขนาดนี้ โดนลงร้านตัวเอง ก็ต้องโวยวายเป็นธรรมดา”


จากนั้นเฟซบุ๊ก เรียกร้อง ความจริง แฉเพิ่มว่า “ที่เสี่ยเอี๋ยว กับเสี่ยแบงค์ เจ้าของ Club one พูดวันที่โดนปกครองลงว่าดูแลหมด ดูแลใหญ่ด้วย ดูท่าแล้วก็คงจะจริง ไม่งั้นคงไม่โมโหขนาดนั้น เพราะเสี่ยเอี๋ยวกับเสี่ยแบงค์ ก็รู้จักกับตำรวจใหญ่หลายคน รู้จักตั้งแต่ผกก. ผู้การ, รองผู้การ ก็คงจะจริงตามที่คลิปเสียงในข่าว แต่ส่วนจะดูแลใครบ้าง อันนี้ก็คงต้องไปตามเช็กกันเองในองค์กรตำรวจ”

--------------

เมื่อเวลา 22.00 น.( 24 ต.ค. 65) นางอำพร แก้วแสง ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา พร้อมกับ นายชัยรันต์ รักทอง รองประธาน กต.ตร.สภ เมืองพัทยา เปิดโต๊ะแถลงข่าวข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยยอมรับว่า บุคคลที่ปรากฏในภาพ คือ กลุ่มของ คณะทำงาน กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา จริง


โดยในวันนั้น ได้มีการจัดกิจกรรม ประชุม คณะ กต.ตร.สัญจร โดยได้เชิญท่าน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเพิ่งจะมารับตำแหน่งใหม่ พร้อมด้วยผู้ประกอบการในเมืองพัทยา มาประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด และ แนวทางการปฏิบัติ


นอกจากนี้ยังได้เชิญผู้ประกอบการ มาร่วมประชุมด้วย โดยหลักๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการ ได้รับฟังแนวทางการปฏิบัตินโยบายของตำรวจ และปรับความเข้าใจอะไรหลายๆเรื่อง ที่สถานประกอบการควรปฏิบัติให้เป็นไปตามความถูกต้องและชอบธรรมของกฎหมาย


แต่พอมีภาพดังกล่าวหลุดออกไปและมีการสื่อไปในทิศทางที่ไม่ใช่ความจริง จึงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โดยขอยืนยันว่า ภาพที่หลุดไป เป็นภาพการประชุม คณะ กต.ตร.สภ.เมืองพัทยา สัญจร เท่านั้น สำหรับมีการเสนอภาพดังกล่าวนั้นมีการสื่อในทิศทางที่ผิดจากข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพูดคุย เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มที่นำภาพไปเผยแพร่ จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกด้วย


นางสาว สุพัตรา ชลพล อายุ 31 ปี และ นายพิชัย เปลี่ยนผล อายุ 31 ปี 2 เจ้าของ สถานบริการ ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในโพย ที่ถูกอ้างว่าเป็นรายชื่อจ่ายส่วยสถานบริการให้กับเจ้าหน้าที่ โดยทั้ง 2 คน ได้พูดและยืนยันตรงกันว่า ไม่มีการจ่ายส่วยกับเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน ถึงให้จ่ายก็คงจ่ายไม่ไหว เนื่องจากเป็นยอดที่สูง ทางร้านคงจ่ายไม่ไหว


โดยในปัจจุบัน ทางร้านพยายามเข้มงวด ตามที่นโยบายตำรวจ ห้ามมีเรื่องเด็ก ยาเสพติด และ อาวุธปืน จนกระทั่งมาเกิดกระแสวิพากวิจารณ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน และ ยอมรับว่า สถานบริการในเมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก


ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกต สำหรับโพยส่วยดังกล่าว ว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากรายชื่อ มีบางร้าน มีการปิดตัวไปแล้วก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 2019 บางร้านถูกไฟไหม้ ปิดตัวไปแล้ว ก็ยังพบว่ามีรายชื่ออยู่ในโพย


แม้แต่ ร้าน โบน ผับ ซึ่งเปลี่ยนชื่อ เป็น คลับ วัน ผับฉาว ที่ปรากฏเป็นข่าว ยังมีรายชื่อจ่ายส่วยด้วย อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเฟสส่วนที่สร้างมาเพียงไม่นาน เชื่อว่า อาจจะสร้างมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนและเดือดร้อนให้เมืองพัทยาในขณะนี้


https://youtu.be/fwZVyhhyhLU

--------------

คุณอาจสนใจ

Related News