หญิงอุดรช้ำหนัก ถูก 2 แม่ลูกหลอกยืมเงินกว่า 1.8 ล้านก่อนชิ่งหาย ซ้ำสามีขู่บอกเลิกหากไม่ได้เงินคืน

วันนี้ (19 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.บุษบา อายุ 39 ปี ชาวต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งในจ.อุดรธานี นำเอกสารแชตการพูดคุยยืมเงินแต่ละครั้งและหลักฐานสลิปการโอนเงินรวมยอดแล้วจำนวน 1,800,000 บาทมาให้ผู้สื่อข่าวดู


หลังถูกสองแม่ลูกคู่หนึ่งที่คนรู้จักมา 7-8 ปี มาตีสนิทเสนอขอกู้เงินไปลงทุน และหว่านล้อมให้ดอกเบี้ยสูง ตอนแรกๆ ก็จ่ายดี แต่สุดท้ายไม่จ่าย เงินปลิวไปเป็นล้าน ทำให้เงินเก็บหายไปในพริบตา จึงอยากขอให้นำเงินมาคืนให้ด้วย เพราะตอนนี้แทบร้องไห้แทบทุกคืน และสามีจะบอกเลิกด้วย


น.ส.บุษบา เปิดเผยว่า รู้จักกับ น.ส.เบส อายุ 34 ปี มาแล้วประมาณ 7-8 ปี เพราะเขาเป็นลูกค้ามาถ่ายเอกสารที่ร้านประจำ โดยเขาบอกว่าเป็นผู้รับเหมารับสร้างบ้าน และเป็นนายหน้าให้กับคนกู้เงินธนาคาร เขาเลยเอาเอกสารของลูกค้ามาถ่ายเอกสารประจำ


ตอนแรกก็คุยกันสัพเพเหระเรื่องทั่วๆ ไป แต่เมื่อต้นเดือนมกราคมปีนี้ เขามาตีสนิท และกินข้าวด้วย ทั้งยังซื้อของมาฝากบ้าง และสุดท้ายลงเอยด้วยการทักมาขอยืมเงิน


โดยครั้งแรกที่ยืมเงินเขาบอกว่า ขอยืมเงิน 100,000 บาท จะเอาไปลงทุนซื้ออุปกรณ์สร้างบ้าน โดยจะขอแค่ 3 วันแล้วจะให้คืน รวมให้ดอกรายวันเป็นเงิน 6,000 บาท ซึ่งดอกเบี้ยนี้เขาเสนอมาให้เอง โดยตอนแรกตนเองไม่กล้าจะให้ แต่เขาก็อ้อนจนสุดท้ายต้องยอม และพอ 3 วันเขาก็คืนให้ทั้งต้นทั้งดอก เราจึงสบายใจ


แต่พอมาเดือนมี.ค.เขาก็เสนอจะให้ดอกรายเดือนให้เป็นร้อยละ 10 บาท เราเห็นตอนแรกเขาให้คืนทั้งต้นและดอกแล้ว ก็เลยยอมให้เขากู้ ซึ่งครั้งนี้เขากู้ทีละ 1 แสน 3 แสน และ 5 แสนบ้าง โดยบอกว่าจะเอาไปลงทุนยางพาราและบอกอีกว่าหากพี่ชายกู้เงินธนาคารได้ 10 ล้านได้จะรีบเอามาคืน จนถึงเดือนมิ.ย.เขาเงียบไปเลย


สุดท้ายกลายเป็นว่าเงินต้นรวม 1,800,000 บาทหายไปทันที ซึ่งก็มารู้ทีหลังจากเพื่อนเขาว่า เขาจะตีสนิทกับเราเพื่อให้เราตายใจก่อนจะยืมเงิน ซึ่งตอนแรกจะคืนเงินทั้งต้นและดอก จากนั้นก็เชิดเงินหนีไปเลย อีกทั้งมารู้ว่าเขากู้เงิน 10 ล้านบาทได้ตั้งแต่เดือนก.ค.แล้ว ซึ่งเขาโกหกเรา เพราะเมื่อทวงเขาก็จะบอกว่ายังกู้ไม่ได้


และเมื่อสามีมารู้ทีหลัง ก็โกรธบอกว่า ทำไมไม่บอก และสั่งให้ตามเอาคืนให้ได้ หากไม่ได้จะบอกเลิก และหย่ากันไปเลย ซึ่งตนเองเสียใจมาก ทั้งเสียเงิน ซ้ำผัวจะบอกเลิกอีก จึงอยากจะให้คู่กรณีเอาเงินมาคืนด้วย ส่วนดอกตนไม่เอาแล้ว ขอเฉพาะเงินต้นก็พอ


ซึ่งเงินเหล่านี้เป็นก้อนสุดท้ายที่ทำงานมาได้ และเป็นเงินจากญาติพี่น้องที่ยืมมาให้ จึงทุกข์ใจมากตอนนี้ ทำไมเวลาอยากได้เงินมาพูดดีต่อเรา จนจะก้มกราบ แต่พอเขาได้เงินเราไป กลับหายเงียบ เมื่อทวงเงินก็บอกว่า กลัวไม่ได้หรือ ซ้ำยังไล่ตนเองไปเอากับคนที่เขาไปปล่อยกู้ต่อ ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง ซึ่งเหมือนเขาไม่ตั้งใจจะคืนเงิน


เราเจ็บปวดมาก ตอนเขาอยากได้เงิน แม่เขาก็มาพูดช่วย จนตอนนี้เขามาสร้างบ้าน กินหรูอยู่สบาย และจากการดูประวัติสองแม่ลูกนี้ เคยโกงคนมาเยอะแล้ว


ตอนนี้ไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้ว เจ้าหน้าที่เขาแนะนำฟ้องเองก็ได้หรือจะให้เรียกมาไกล่เกลี่ย คงต้องจะฟ้องแน่นอน ขณะที่ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังเบอร์คู่กรณีก็ไม่มีใครรับสายแต่อย่างใด พร้อมเตือนว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ ยิ่งตอนนี้หายาก อย่าให้ใครยืมเด็ดขาด ไม่งั้นจะทุกข์ใจ