สังคม

จบด้วยดี! เจ้าของบ้านพอใจ ออมสินเยียวยายึดบ้านผิด 2.2 ล้าน สั่งพักงานทนาย-ช่างรีโนเวท 6 เดือน

โดย nattachat_c

5 ต.ค. 2565

524 views

ธนาคารออมสิน จ่ายเยียวยายึดบ้านผิด 2.2 ล้านบาท ภายในศุกร์นี้ ยอมรับเป็นความผิดของธนาคาร และผู้รับเหมา เหตุผู้รับเหมาส่งไลน์แจ้งพิกัดบ้านกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทั้งที่ต้องลงไปปิดป้ายเอง ด้านบริษัทรับเหมา พักงานช่างรีโนเวท 6 เดือน ธนาคารพักงานทนาย 6 เดือน เหตุวันเจรจาบอกผู้เสียหาย “ถ้าอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้อง”

ด้านเจ้าของบ้านพอใจ ได้รับเยียวยาตามที่ขอ  อยากให้เรื่องจบ ต่อจากนี้จะเอาของมีค่ากลับไปเก็บไว้ที่บ้านงที่อยู่ประจำแทน

วานนี้ (4 ต.ค. 65) ทางธนาคารออมสิน ได้นัดคุณกาญจนา และคุณสมเกียรติ สร้อยสน เจ้าของบ้าน ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม มาเจรจากับ คุณวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มบริหารหนี้และกฎหมาย ที่ธนาคารออมสิน สาขาติวานนท์


ทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำการเจรจากันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางธนาคารได้นำสิ่งของจำนวน 13 รายการ มาเตรียมส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหาย เช่น โต๊ะหมู่บูชา พระพุทธรูป เตารีด ทีวีจอแก้ว เป็นต้น


ก่อนที่ทางรองผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลุ่มบริหารหนี้และกฎหมาย จะกล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความผิดพลาดของทางธนาคาร และผู้รับเหมา ซึ่งเป็น outsource ซึ่งทางธนาคารจะเยียวยาเงินให้กับผู้เสียหายจำนวน 2 ล้าน 2 แสนบาท ตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง และคืนของทั้งหมดที่ธนาคารเก็บไว้ให้กับผู้เสียหาย


ประเด็นสำคัญ คือ ทางรองผู้อำนวยการ ชี้แจงว่า บ้านหลังนี้ ทางธนาคารได้ซื้อมาจากทางกรมบังคับคดี ที่ขายทอดตลาดมาในราคา 1 ล้าน 6 แสนบาท จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้มอบหมายให้ผู้รับเหมา ที่เป็น outsource ในพื้นที่ เข้าไปดำเนินการปิดป้ายห้ามบุกรุก


ก่อนที่จะส่งรูปถ่ายบ้านหลังดังกล่าวไปทางไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ธนาคารยืนยันว่า ตรงกับหลังที่จะดำเนินการรีโนเวทหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ได้ยืนยันว่า รูปบ้านที่ผู้รับเหมาส่งมา ตรงกับบ้านที่ซื้อมาจากกรมบังคับคดีจริง เพราะมีลักษณะภายนอกเหมือนกัน


จากนั้น ก็ได้ให้ช่างผู้รับเหมาเข้าไปรีโนเวท 4-5 วัน ซึ่งบ้านหลังนี้ก็ไม่มีคนอยู่อาศัย ประกอบกับไม่ได้มีเพื่อนบ้านหรือใครเข้ามาทักท้วง จึงดำเนินการไปเรื่อยๆ พร้อมกับรื้อของออกหมด รวมถึงของที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้เสียหาย


ซึ่งตามกฎหมายแล้ว เมื่อธนาคารซื้อบ้านมาแล้ว ของทุกอย่างถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร จึงได้ทำการย้ายออกทั้งหมด โดยบางส่วนนำไปทิ้ง และมีบางส่วนที่เก็บเอาไว้


แต่หลังปรับปรุงบ้านเสร็จเรียบร้อย ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปปิดป้ายว่า ขายบ้านในราคา 2 ล้าน 6 แสนบาท ซึ่งไม่รู้มาก่อนว่าปิดป้าย และรีโนเวทผิดหลัง ก่อนที่ในวันที่ 15 ก.ย. จะมาทราบว่า เข้าไปดำเนินการรีโนเวทผิดหลัง จากการที่เพื่อนบ้านของผู้เสียหาย ลองโทรไปติดต่อขอซื้อ


ซึ่งยอมรับว่า กระบวนการที่เกิดขึ้น เป็นข้อผิดพลาดตั้งแต่เจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่ไม่ไปเป็นคนไปปิดป้ายเอง และมีการส่งงานกันทางไลน์ เพราะตามหลักการทุกกระบวนการ เจ้าหน้าที่ของธนาคารต้องไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ในส่วนนี้ธนาคารขอยอมรับผิด


ส่วนประเด็นเรื่องที่ธนาคารทำหนังสือชี้แจงว่า บ้านของผู้เสียหายไม่ได้มีการติดบ้านเลขที่นั้น ทางรองผู้อำนวยการ ยืนยันว่า ทางช่างที่เข้าไปดำเนินการ ไม่เห็นว่ามีป้ายบ้านเลขที่ติดอยู่ และอย่างที่ชี้แจงไปว่า บ้านมีลักษณะคล้ายกัน

ทางผู้สื่อข่าว จึงถามทางผู้เสียหายอีกครั้ง ยืนยันว่ามีป้ายบ้านเลขที่ ก่อนที่ทางทนายรณณรงค์ จะนำภาพที่ธนาคารชี้แจงมาแสดงว่า ถ้าสังเกตให้ดีในภาพ จะเห็นตู้ไปรษณีย์อยู่ แม้จะไม่เห็นว่ามีเลขหรือไม่ก็ตาม หลังจากนี้ ได้พักงานช่างรีโนเวทเป็นเวลา 6 เดือน พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมสอบสวนทางวินัย หากพบความผิดก็จะมีโทษตามกฎของบริษัท


นอกจากนี้ ธนาคารก็ได้พักงานทนายความที่คุยกับผู้เสียหาย ในวันที่ไปแจ้งความที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว อีก 6 เดือน หลังจากไปพูดว่า หากผู้เสียหายอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้อง 


อย่างไรก็ตาม นอกจากธนาคารออมสินจะยอมรับผิด ก็ได้ทำการจ่ายค่าเยียวยาจำนวน 2,200,000 บาท กับผู้เสียหาย ภายในวันศุกร์นี้ (7 ต.ค.) พร้อมยืนยันว่า ตลอด 109 ปี ที่ธนาคารก่อตั้งมา ไม่เคยมีเรื่องผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องไปแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการยึดบ้านผิดหลัง แต่เป็นการรีโนเวทบ้านผิดหลัง


ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณกาญจนา ผู้เสียหายอีกครั้ง หลังการเจรจา และได้เห็นทรัพย์สินที่หลงเหลือบางส่วน ก็รู้สึกดีใจที่ได้ทรัพย์สินคืน โดยเฉพาะพระพุทธชินราช ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ก็ยอมรับว่าเสียดายข้าวของที่มีค่าทางจิตใจ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่การเจรจาในวันนี้ เป็นไปด้วยดี ทางธนาคารตอบรับข้อเรียกร้องของตน


แต่ก็มองว่า ข้าวของบางอย่างไม่ได้มีค่า แต่ทำไมจึงเก็บไว้ให้ เช่น ก้อนหินประดับ แต่กับเครื่องปรับอากาศกลับถอดทิ้ง และอ้างว่าเสียแล้ว


ส่วนเมื่อวานนี้ ที่ทางธนาคารออกเอกสารชี้แจงว่า บ้านของตนไม่มีเลขที่บ้านนั้น ยอมรับว่า รู้สึก เอ๊ะ! และตกใจ พร้อมยืนยันว่าที่บ้านมีบ้านเลขที่ติดไว้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เหตุการณ์มันยืดเยื้อไปกว่านี้ จึงอยากให้เรื่องราวจบลง


หลังจากนี้ ก็คงเอาของมีค่ากลับไปเก็บไว้ที่บ้านอีกหลังที่อยู่ประจำแทน ไม่เอาไว้ที่บ้านหลังที่ไม่ค่อยอยู่แล้ว หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันขนข้าวของทั้ง 13 รายการ ขึ้นรถของผู้เสียหายกลับไป

-------------


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/u8uzkwXm0XY

คุณอาจสนใจ

Related News