สังคม

ออมสินแจงแล้ว ยึดบ้านผิดหลัง เจ้าของใจสลาย ของมีค่าทางใจถูกทิ้ง จ่อเอาผิด 4 ข้อหา

โดย petchpawee_k

4 ต.ค. 2565

28.5K views

จากกรณีที่เพจทนายคู่ใจ ของนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความชื่อดัง ได้แชร์เรื่องราวผู้เสียหายร้องเรียนเพจทนายคู่ใจ ว่าถูกธนาคารยึดบ้าน แต่เป็นการยึดผิดหลัง โดยที่บ้านหลังที่ถูกยึด ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องใดๆ ขณะเดียวกันทรัพย์สินภายในบ้านถูกนำไปทำลายทิ้งหลายรายการ รวมทั้งสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจ ก็ถูกนำไปทิ้งด้วย


คลิปจากกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้าน จะเห็นว่า เมื่อ 5 ก.ย. มีกลุ่มชายหลายคนมาที่บ้าน ก่อนพยายามเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน พอเข้าได้แล้ว ค่อยๆ รื้อของในบ้านออกมาก่อนจะจุดไฟเผา เมื่อเผาเสร็จ ต่อด้วยการเอาต้นไม้ที่ตกแต่งไว้ในบ้านออกหมดเกลี้ยง


ก่อนจะติดป้ายไว้หน้าหน้าประตูบ้าน ขายทรัพย์สิน บ้านเลขที่ 99/44 เนื้อที่ 80.60 ตารางวา / ห้ามบุกรุก พร้อมติดโลโก้ธนาคารออมสินอย่างชัดเจน


ผู้เสียหาย คือคุณกาญจนา หาย ไปร้องทนายรณรงค์ เล่าเหตุการณ์ ระบุว่า ตนมีบ้านอยู่ที่หมู่บ้าน วนาสิริ พาร์ควิวล์ ปทุมธานี บ้านเลขที่ 99/38 เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมด เหลือแต่บ้านโล่งๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปจนหมด และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก


วันที่ 15 ก.ย.65 เพื่อนบ้านสงสัยว่าทำไมมีป้ายติดประกาศว่าบ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุกและติดประกาศขาย แต่ในประกาศเป็นบ้านเลขที่ 99/44 เพื่อนบ้านเลยโทรติดต่อธนาคารไปเพื่อที่จะขอซื้อดู จึงได้รู้ว่าบ้านที่จะขายนั้นบ้านเลขที่ 99/44 ไม่ใช่ บ้านเลขที่ 99/38 เพื่อนบ้านเลยโทรแจ้งตนว่า “จะขายบ้านหรอ? เห็นคนมารื้อบ้านรีโนเวทและติดป้ายของธนาคาร”


 พอทราบเรื่องจากเพื่อนบ้านแล้ว จึงได้รีบเดินทางไปที่บ้านหลังนั้น ก็เห็นตามสภาพคือบ้านโล่งๆ ของถูกรื้อเอาออกไปจนหมดทุกอย่าง ประตูห้องครัวและประตูระเบียงถูกปิดล็อคโดยกุญแจของธนาคาร และก็ได้โทรแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร คอลเซ็นเตอร์ก็รับเรื่องไว้


วันที่ 16 ก.ย.65 ได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว ก่อนที่ 18 ก.ย.65 ตำรวจขอเข้ามาดูบ้าน ถ่ายรูปและตนก็ได้เอากุญแจชุดใหม่ไปคล้องไว้ที่หน้าบ้าน เพราะรั้วหน้าบ้าน ธนาคารเอากุญแจออกไปแล้ว โดยป้ายที่ติดหน้าบ้านและกุญแจรั้วหน้าบ้านพอทางธนาคารรู้ว่าผิด ธนาคารก็ได้รีบดำเนินการมาเอาป้ายและกุญแจออก ก่อนที่ตนจะเข้าไปที่บ้าน


ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปแจ้งความได้ติดต่อไปที่คอลเซ็นเตอร์อีกครั้งทราบว่ารับเรื่องไว้ และจะติดต่อกลับภายใน 3 วันทำการ แต่เนื่องจากมีคนที่รู้จักกับทางนิติกรของธนาคารจึงโทรไปแจ้งฝ่ายนิติกรว่ามีการยึดบ้านผิด และผู้รับเรื่องแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่นิติกรติดต่อมา


กระทั่ง 17 ก.ย.65 มีเจ้าหน้าที่นิติกรโทรมาขอโทษและแจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารจริงที่เข้าทำบ้านผิดหลัง และธนาคารแจ้งว่าจะให้ทางนิติกรเข้ามาคุย จึงนัดให้ไปพบและคุยที่สถานีตำรวจในวันที่ 20 ก.ย.


 เมื่อวันที่ 20 กันยายน ตนกับทางตัวแทนธนาคารได้มาเจรจาตกลงค่าเสียหายกัน เบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 2 ล้านบาท ธนาคารแจ้งว่าเป็นการเข้าทำผิดหลัง ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด ทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ ของสะสมต่าง ๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้รับของที่เก็บไว้คืนก่อน แต่ยังแจ้งไปว่ายังไม่รับคืน และยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง


ต่อมาในวันที่ 26-27 ก.ย. ได้โทรสอบถามทางเจ้าหน้าที่นิติกร และทนายของธนาคาร ว่าได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังรวบรวมรายการทำทรัพย์สินที่ธนาคารเก็บไว้เพื่อจะส่งคืน แต่ไม่ได้พูดถึงการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ การติดต่อดำเนินการทุกอย่าง เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยติดต่อ สอบถามไปเอง ไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ปัญหาใด ๆ จากทางธนาคารเลย


สำหรับบ้านของคุณกาญจนา คือ บ้านเลขที่ 99/38 ส่วนบ้านที่ถูกประกาศขายคือ 99/44 ห่างกันไป 3 หลัง และบ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้องไม่ได้มีคดีอะไรและไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับทางธนาคารที่เข้ามารื้อของด้วย


ต่อมา ทีมข่าวลงพื้นที่บ้าน หลังเกิดเหตุ 98/38 ในตำบลคลองพระอุดม อำเภอลาดหลุมแก้ว  จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นสภาพหลังการรีโนเวทโดยช่างที่ธนาคารนำมาแล้ว โดยคุณสมเกียรติ สร้อยสน เจ้าของบ้านพาเดินดูภายในบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ที่มีการเล่นระดับ ขนาด 84 ตารางวา ที่วันนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ บางส่วนที่หนักและขนย้ายยากลำบากถูกทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า  


คุณสมเกียรติ เล่าว่า ทรัพย์สินที่มีค่า ชิ้นเล็กๆ ถูกขนออกไปหมด ในห้องพระ ที่มีพระเครื่อง หิ้งพระ พระพุทธรูป ก็ถูกเอาเก็บไปเกือบทั้งหมด  


ขณะที่ห้องนอนของตน และภรรยา ก็ถูกรื้อ เอาของออกไปหมด รวมถึงแอร์ในห้องนอนที่ถูกถอดไป เหลือเพียง รีโมทแอร์ที่ติดไว้ข้างกำแพง ขณะที่ต้นไม้รอบบ้านก็ถูกรื้อถอน ถางออกไปหมด เช่นกัน  ส่วนป้ายบ้านเลขที่ 98/38 พร้อมกับตู้ไปรษณีย์ ก็ถูกถอดออกไป เพื่อทาสีใหม่ และไม่ได้นำมาติดไว้เหมือนเดิม


คุณสมเกียรติ บอกว่า ที่น่าเจ็บใจคือ ข้าวของที่มีคุณค่าทางจิตใจ อย่างรูปภาพครอบครัว ที่ถูกนำไปกองทิ้งไว้หน้าบ้าน / หรือแม้แต่โมบาย ที่แขวนเปลลูก ซึ่งภรรยาทำเองกับมือก็ถูกทิ้งไป / รวมถึงนิตยสารดิฉัน ที่ภรรยาเก็บสะสมมายาวนาน และไม่สามารถหาได้อีกแล้ว ก็หายไปหมด


คุณสมเกียรติบอกว่า ปกติจะมานอนเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ตอนนี้พ่อภรรยาป่วย จึงไม่ได้เข้ามาที่บ้านหลายเดือน กระทั่งเพื่อนบ้านมาเห็นป้ายที่ปิดประกาศไว้ จึงลองโทรไปหาทางธนาคาร ซึ่งตอนนั้นธนาคารเพิ่งได้รู้ว่าดำเนินการผิดหลัง ฝเพื่อนบ้านจึงรีบแจ้งตนเมื่อวันที่ 15 ก.ย.65 จึงรีบเดินทางมาดู ก่อนจะเห็นว่ามีมีกุญแจของธนาคาร ล็อกเอาไว้ ตอนมาถึง ตกใจ และช็อก ยิ่งเห็นภาพลูกชายร้องไห้ หลังจากมาเห็นสภาพบ้าน ก็ยิ่งทำใจไม่ได้


หลังจากนั้น จึงรีบติดต่อไปที่ธนาคาร ซึ่งมีแต่ฝ่ายของตนที่ติดต่อไป บอกว่าจะมีการเอาของกลับมาคืนให้  แต่ไม่มีการแสดงว่าจะรับผิดชอบอย่างไร


ขณะที่คุณกาญจนา สร้อยสน อายุ 45 ปี ภรรยาเล่าว่า มันเศร้าตั้งแต่รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านว่าในบ้านไม่เหลืออะไรแล้วนะ แล้วพอเปิดดู รู้สึกช็อก ข้าวของที่อยู่ หายไปหมด เหมือนขโมยขึ้นบ้าน ยิ่งของที่เป็นความทรงจำของที่เรารัก และเก็บไว้ที่นี่ ซึ่งตนเองเป็นคนที่รักบ้าน และตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่ในบั้นปลายชีวิต พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้รับไม่ได้


 ยิ่งเห็นรูปภาพที่ถูกกองไว้สะเทือนใจมาก พอถามไปก็บอกว่ารูปภาพไม่อยู่แล้ว ทิ้งไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกกับตนว่า “พี่มีรูปไหม เดี๋ยวผมเอาไปใส่กรอบให้ก็ได้นะ” ซึ่งตนมองว่ามันไม่ใช่ เพราะทั้งกรอบรูปภาพทั้งหมด ตู้บางตู้ ข้าวของในบ้าน พ่อของตนเป็นคนทำ แล้วตอนนี้พ่อของตนก็ไม่สบายไม่สามารถทำได้แล้ว ของเหล่านี้ไม่สามารถเอากลับมาได้แล้ว

 คุณกาญจนา บอกว่า นี่ถือว่าเป็นความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ ตนพยามถามธนาคารว่าแต่ก็ยังเงียบ


ทั้งนี้ 2 สามี-ภรรรยา ยังย้ำว่า อยากให้ธนาคารออกมารับผิดชอบ อยากให้จบเร็วๆ และอยากให้เช็คให้ละเอียดรอบคอบ เพราะของเหล่านี้เอาคืนไม่ได้ ความทรงจำเก่าๆ ของเก่า ๆ ที่เก็บไว้ เป็นมูลค่าทางจิตใจ  


ด้าน ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของทางธนาคารออมสิน จึงอยากให้ออกมาชี้แจง เนื่องจากจะไปยึดบ้านหลังไหนต้องมีรายละเอียดของบ้าน เช่น บ้านเลขที่ หรือหลังไหนที่ชัดเจน แต่กลับมายึดบ้านผิดหลังเช่นนี้ โดยจะพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีใน 4 ข้อหาด้วยกัน คือ บุกรุกโดยทำลายสิ่งกีดขวาง / ลักทรัพย์ในยามวิกาล ในเคหะสถาน  / ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

-------------------------------

ธนาคารออมสิน ยอมรับปรับปรุงบ้านผิดหลัง เหตุบ้านคล้ายกัน-ไม่มีบ้านเลขที่ ยันรับผิดชอบเต็มที่

ต่อมาธนาคารออมสิน ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จโดยมีข่้อความระบุว่า  

ธนาคารฯ ได้เข้าซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด อันได้แก่ บ้านเลขที่ 99/44 หมู่บ้านวนาสิริพาร์ควิลล์ ต.ลาดหลุมแก้ว อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12140 ในราคา 1.6 ล้านบาท และต่อมาธนาคารได้ว่าจ้างผู้รับเหมาภายนอก (outsource) เพื่อปรับปรุงบ้านที่ซื้อมาจากการขายทอดตลาด ให้มีสภาพดีพร้อมขาย โดยไม่มีการรื้อถอนบ้านแต่อย่างใด


ทั้งนี้ผู้รับเหมาภายนอกได้เข้าสำรวจพื้นที่ แต่เกิดความผิดพลาดเข้าปรับปรุงบ้านผิดหลัง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดเนื่องมาจาก บ้านหลังที่เข้าปรับปรุง และบ้านที่ธนาคารเข้าซื้อ ทั้งสองหลังมีลักษณะคล้ายกัน และต่างไม่มีป้ายเลขที่บ้าน ซึ่งปัจจุบันผู้รับเหมาภายนอกได้เข้าดำเนินการแล้วเสร็จ ทำให้บ้านหลังดังกล่าวมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ตามรูปที่แนบ

อนึ่ง ก่อนการเข้าปรับปรุงสภาพบ้านเพื่อรอการขาย ผู้รับเหมาภายนอกได้เคลื่อนย้ายสิ่งของภายในบ้านหลายรายการ และธนาคารนำไปเก็บรักษาไว้ ซึ่งหลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ และพบว่าเป็นการปรับปรุงบ้านผิดหลัง ธนาคารได้ติดต่อเจ้าของบ้านอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 โดยธนาคารได้แจ้งขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และแจ้งขอส่งมอบของที่เก็บรักษาไว้ จำนวน 20 รายการ อาทิ เครื่องเล่นซีดี โต๊ะทำงานไม้ หนังสือ และพระบูชา คืนแก่เจ้าของบ้าน ทั้งนี้ ปัจจุบันเจ้าของบ้านยังขอไม่รับของดังกล่าวคืน และเรียกค่าเสียหายสำหรับสิ่งของข้างต้น รวมถึงสิ่งของอื่นๆ จำนวน 2.2 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารได้นัดหารือกันอีกครั้งในวันที่ 4 ตุลาคม 2565 เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้อง และประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง


ธนาคารออมสิน ยืนยัน ที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างเต็มที่ตามที่เกิดขึ้นจริง และขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้ โดยหากมีความคืบหน้าธนาคารจะแจ้งให้ทราบต่อไป


ด้านทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรมซึ่งผู้เสียหาย 2 สามี-ภรรยา เจ้าของบ้านที่ถูกยึดและเข้าไปปรับปรุงผิดหลัง รับเรื่องร้องเรียนไว้ ยืนยันว่าแม้ทางธนาคารชี้แจงออกมาเบื้องต้นแล้ว ในวันนี้ (4 ต.ค.65) เวลา 14.00 น. ทางธนาคารยังคงนัดหมายเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นเดิม


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/9XOPswM28mg

คุณอาจสนใจ

Related News