สังคม

หลานป่วยจิตคลั่ง บุกหวังข่มขืนป้า-ย่า กินยาระงับประสาทเกินขนาดช็อกดับคาบ้าน

โดย paranee_s

23 ก.ย. 2565

1.5K views

หลานคลุ้มคลั่ง สวมวิญญาณตี๋ใหญ่ บุกพยายามข่มขืนป้าและย่า ซ้ำใช้มีดกระหน่ำแทงย่าบาดเจ็บ ชาวบ้านและพ่อช่วยกันระงับเหตุ ก่อนที่ชายรายนี้จะช็อกหมดสติเสียชีวิตคาบ้าน พบก่อนก่อเหตุกินยาระงับประสาทหลายเม็ด


ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย. 65) ประมาณ 22.00 น. ที่บ้านพักในซอยเพชรหึงษ์ 12 ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ นายแม็ค อายุ 32 ปี


บ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ที่ปลูกติดกัน ซึ่งบ้านหลังทางขวามือ เป็นบ้านที่นายแม็ค อยู่อาศัยกับป้าและลุง ส่วนบ้านหลังซ้ายมือ เป็นบ้านที่ย่าวัย 73 ปีอยู่อาศัย และจะมีลูกหลานสลับกันมาดูแล แต่ช่วงกลางคืนย่านอนคนเดียว


โดยช่วงประมาณ 22.00 น. นายแม็ค ซึ่งนอนอยู่ที่ชั้น 2 เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนเดินไปกระชากเปิดมุ้งที่ลุงกับป้านอนอยู่ และกระชากป้า หวังที่จะข่มขืน ลุงตื่นมาเห็นจึงพยายามช่วย แต่นายแม็คกระทืบลุงที่ท้อง และชกที่ใบหน้า ทั้งลุงและป้า เห็นท่าไม่ดี จึงพากันวิ่งหนีลงมา ไปนอนที่บ้านของย่า และรีบล็อกประตู


จากนั้น ลุงกับป้า ได้ยินเสียงดังจากหลังคา คิดว่าเป็นตัวเงินตัวทอง แต่ปรากฏว่า นายแม็ค ที่สวมบทตี๋ใหญ่ คว้ามีด สวมแว่นตายี่ห้อดัง ปีนหน้าต่างชั้น 2 ของบ้านออกมา แล้วเดินไต่หลังคา ก่อนจะกระโดดเข้าบ้านย่า ผ่านทางหน้าต่างห้องครัว และตะโกนบอกว่า ตนเป็นตี๋ใหญ่


จากนั้น ก็พุ่งไปหาป้าและลุง ที่นอนอยู่บนโซฟา ลุงจะวิ่งหนีเข้าห้อง ส่วนป้าวิ่งหนีออกนอกบ้านไปตามให้คนมาช่วย ขณะที่ย่ายังอยู่ในมุ้งชั้น 1 ถูกนายแม็คเอามีดและแทงตามร่างกายหลายแผล ก่อนกัดตามร่างกาย


ชาวบ้านพยายามมาช่วยแต่เข้าไม่ได้ จึงตามพ่อของนายแม็คมาช่วย เมื่อมาถึงกำลังเห็นลูกคร่อมอยู่บนตัวย่าและถือมีด จึงเข้าไปตบหน้าลูกให้ได้สติจนเขียวไปทั้งหน้า


จากนั้นชาวบ้านจึงช่วยกันจับตัวมัดมือไว้ และรีบพาย่าส่งโรงพยาบาล


ต่อมานายแม็คเกิดอาการช็อก หมดสติจึงช่วยกันแก้มัด แต่อีกไม่นานก็เสียชีวิตจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านมาช่วยกันปั๊มหัวใจ ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้


ทีมข่าวได้ไปที่เกิดเหตุ และพบกับคุณลุงของนายแม็ค ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และเผยว่าย่าที่ถูกนายแม็คแทง ตอนนี้กลับมารักษาตัวที่บ้านแล้ว โดยตามร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ปิดผ้าไว้ ทั้งที่โหนกแก้มซ้าย แขนและมือซ้าย นิ้วโป้งขวา และที่ข้อเท้าขวา


ย่าเล่าว่า ตอนนายแม็คกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนก็วิ่งไปจุดเตาแก๊ส ย่าเลยตะโกนให้ปิด จากนั้นนายแม็คก็จะวิ่งไปเปิดตู้เย็น เอาเนื้อหมูดิบ ไก่ดิบมาเคี้ยวกิน ก่อนพ่นใส่หน้า และหยิบมีดขึ้นมา ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปกัดตามร่างกายย่า และใช้มีดแทงตามร่างกายย่า


ตอนที่เห็นนายแม็คถือมีด ยอมรับว่าใจเสีย ก่อนถูกกระหน่ำแทงตามร่างกาย ย่าเลยบอกว่าอย่าทำย่าเลย นายแม็คบอกว่า มึงไม่ใช่ย่ากู กูคือตี๋ใหญ่ แล้วก็แทง ย่าจึงรวบรวมแรงที่มีบีบไปที่ถุงอัณฑะ แต่ก็ไม่มีท่าทีเจ็บปวด


ย่าเล่าว่าที่ผ่านมาเคยถูกหลานทำร้าย 3-4 ครั้ง แต่ที่โดนหนักๆ มีครั้งนี้ กับเมื่อหลายปีก่อนที่ โดนเตะจนสลบ


ขณะน้องสาว เล่าถึงภูมิหลังของพี่ชายว่า ย้อนกลับไปตอนเมื่อปี 53 พี่ชายเคยทำงานที่โรงงานเหล็ก จากนั้นก็เริ่มมีอาการหลอน หูแว่ว จึงออกจากงาน


จากนั้นช่วงปี 53 ตอนอายุ 21ปีพี่ชายก็เข้าเกณฑ์ทหาร แต่อยู่ได้เพียงปีกว่าๆ ก่อนไปชกหน้าครูฝึก เพราะคิดว่าแย่งขนม ก็ต้องออกมารักษาตัว ด้วยอาการทางจิตเวช


จากนั้นออกมารักษาตัวที่บ้าน โดยมีน้องสาวดูแล และดำเนินการขอทำบัตรผู้ป่วยจิตเวชให้ ที่ผ่านมาเคยด่าทอ ทำร้ายญาติหลายครั้ง โดยจะมีลักษณะตาขวาง แต่เวลาปกติ เป็นคนดี รักพี่รักน้อง


สาเหตุของการเสียชีวิตคาดว่ามาจากการกินยาระงับประสาท กว่า 10 แผง (แผงละ 10เม็ด) ก่อนก่อเหตุ ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน พร้อมขอกับย่าว่าขอให้อโหสิกรรมให้นายแม็ค ไม่อยากให้โกรธ เพราะยังไงก็ตายแล้ว


ทางด้านชาวบ้าน ยืนยันว่า นายแม็คเคยมีพฤติกรรมรุนแรงหลายครั้ง ชาวบ้านก็พยายามช่วยกันห้ามปราม โดยยืนยันว่า ในช่วงที่ผ่านมา นายแมกซ์ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีเพียงการกินยาระงับประสาทเท่านั้น


ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ครอบครัวได้นำร่างของนายแม็ค จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดคันลัด อำเภอพระประแดง ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้


โดยคุณพ่อ ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิต เกิดจากหัวใจล้มเหลว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ลูกชายได้รับประทานยาจิตเวชเป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีประวัติเสพยาเสพติด


ส่วนสาเหตุที่คลุ้มคลั่งเกิดจากอาการป่วยทางจิตเวช ซึ่งเป็นมาเกินกว่า 20 ปีแล้ว เมื่อได้รับยาจากทางโรงพยาบาล ก็รับประทานยาเอง โดยไม่ให้ใครเข้าไปจัดการการจัดยาให้ จึงฝากเตือน ครอบครัวที่มีบุคคลที่ป่วยทางด้านจิตเวช ให้ดูแลเรื่องการรับประทานยาอย่างใกล้ชิด เพราะหากปล่อยให้ทานเองอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเหมือนกับกรณีของลูกชายตน


คุณอาจสนใจ

Related News