สังคม
รอง ผอ.ยัน 'น้องจีฮุน' ไม่ได้โดนทำร้าย เตรียมคุยเรื่องเยียวยา 'หมอรามา' เผยติดในรถอุณหภูมิสูง เกิดเลือดไหลออกปาก-จมูก ได้
โดย nattachat_c
1 ก.ย. 2565
5.6K views
จากกรณีน้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2/2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี นอนเสียชีวิตภายในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนด้านหลังเบาะคนขับ สภาพคว่ำหน้า มีเลือดออกปาก ตัวซีด ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทราบว่า ครูลืมไว้ในรถตู้เพิ่งเจอตอนเย็น
วานนี้ (31 ส.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิทธิชัย สุอังคะ ผอ.โรงเรียนเพลินจิตวิทยา และ นายสิริพงศ์ นวสกุลธนนนท์ รอง ผอ. โรงเรียนเพลินจิตวิทยา ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.พานทอง เพื่อให้ข้อมูล กรณีน้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2/2 ที่เสียชีวตในรถตู้รับ-ส่งนักเรียน ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเดินทางกลับ
นายสิริพงศ์ นวสกุลธนนนท์ รอง ผอ.โรงเรียนเพลินจิตวิทยา เผยกับทีมข่าวทางโทรศัพท์ว่า วานนี้ (31 ส.ค. 65) ตนได้พุดคุยกับผู้กครองของน้องจีฮุน แล้ว โดยในวันเกิดเหตุที่ไม่ได้พูดคุยกันนั้น เนื่องจากขณะนั้นผู้ปกครองยังมีความรู้สึกไม่พอใจ
หลังจากที่ตนได้โทรศัพท์พุดคุยก็โอเคขึ้น ตนเข้าใจความรู้สึกสูญเสียของผู้ปกครอง หลังจากนี้จะพูดคุยเรื่องการเยียวยาต่อไป แต่ยังไม่รู้จะเยียวยาอย่างไร ต้องให้คนกลางมาจัดการ อาจให้ตำรวจเป็นคนคุย
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า “มันเป็นความผิดพลาดไม่อยากจะซ้ำเติมทีมงาน (ครูพี่เลี้ยงและคนขับรถตู้) หลังเกิดเหตุ ตนได้สอบถามครูพี่เลี้ยงบอกว่ามองที่เท้าแต่ไม่เห็น ตำรวจสันนิษฐานว่าน้องน่าจะนอนแล้วยกเท้าขึ้นบนเบาะ ครูไม่ได้ชะโงกดูถือว่าไม่เป็นไปตามมาตรการ ทางโรงเรียนมีขั้นตอนในการดูแลเด็ก แต่ครูทำไม่ครบขั้นตอน จึงเกิดความผิดพลาด ผมยอมรับในความผิดพลาด น้อมรับความผิด ก็ต้องขอโทษผู้ปกครอง และแก้ไขต่อไป”
ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงเรื่องกระทำชำเรานั้น รอง ผอ.ยืนยันว่า ทางโรงเรียนไม่มีเรื่องการกระทำชำเรา ทำร้าย ไม่มีอยู่แล้ว ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดชัด โดยตอนเช้าหลังจากรถโรงเรียนรับเด็กๆ มาถึงโรงเรียน พบว่าน้องจีฮุน ไม่ได้ลงจากรถ กระทั่งพบศพในช่วงเย็น ยืนยันมีหลักฐานชัดเจนเด็กไม่ได้ถูกกระทำชำเรา ขอให้ผู้ปกครองสบายใจ ไม่มีเรื่องกระทำชำเราแน่นอน
ส่วนเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตทราบข่าวว่าเป็นฮีตสโตรก แต่พ่อแม่เด็กยังแคลงใจสาเหตุการเสียชีวิตของน้องจีฮุน ได้ร้องขอแพทย์ให้ผ่าพิสูจน์ร่างน้องจีฮุนให้ละเอียดอีกครั้ง จึงยังไม่ได้รับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามกำหนดการ
นาย สิริพงศ์ ระบุว่า จากนี้ ได้เน้นย้ำครูและครูพี่เลี้ยง มีมาตรการให้จอดรถในร่ม ทุกครั้งที่รับนักเรียนเสร็จ จอดรถต้องเปิดกระจกประตูรถไว้ และเปิดหน้าต่าง 1 บาน กรณีหากมีเด็ดค้างอยู่บนรถอีก จะได้มีอาการหายใจ หรือปีนออกมาได้
-----------
วานนี้ (31 ส.ค. 65) รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และหัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า กรณีนี้ถือเป็นเด็กที่มีอายุมากที่สุด ที่เสียชีวิตภายในรถรับส่ง-นักเรียน
โดยคาดว่าการเสียชีวิตของเด็กรายนี้ เป็นผลจากการอยู่ในรถที่ปิดทึบ และมีความร้อนสูง ซึ่งทางสถาบันฯ เคยทำวิจัยพบว่าภายในรถที่มีการจอดปิด ประตูหน้าต่างจะมีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศา เซลเซียส เมื่อเด็กติดอยู่ภายในรถที่อุณหภูมิสูงขึ้น ร่างกายจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด และสมองบวมส่งผลให้เสียชีวิต ซึ่งโดยปกติจะเกิดภายใน 2 ชั่วโมง และตามปกติแล้ว เมื่อร่างกายเกิดภาวะดังกล่าว จะเสื่อมเสียการควบคุมระบบร่างกาย เกิดเลือดไหลออกทางปาก จมูก ตา ได้
สำหรับเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยเฉลี่ยมีเด็กเสียชีวิตจาการติดอยู่ในรถ ปีละ 2-3 ราย แต่มักเกิดกับกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แต่กรณีดังกล่าว ถือเป็นเด็กที่อายุมาก และสามารถเรียนรู้การช่วยเหลือตนเองได้ แต่ต้องดูสาเหตุว่า ทำไหมถึงยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อาจจะเป็นเพราะ ขาดความรู้การเอาตัวรอดภายในรถรับส่งนักเรียน หรืออาจเกิดจาสาเหตุอื่น ต้องไปดูรายละเอียด รวมถึงคนขับรถโรงเรียนมีการประมาท ไม่ตรวจสอบก่อนจอดรถ
------------
ทั้งนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจและเก็บพยานหลักฐานจากรถตู้ เพื่อเอาไปประกอบสำนวนทางคดี เบื้องต้น ผลชันสูตรเบื้องต้นทางแพทย์ระบุว่า ขาดอากาศหายใจ ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียด ต้องรอผลจากทางแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้งประมาณ 3-7 วัน
------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/YgyEnPzVGVs