สังคม

แฉป้ายชื่อ 'ส.ว.คนดัง' ทำบุญร่วมชาติ 'ส.ต.ท.หญิง' สร้างศาลาวัด 1.2 แสน เจ้าอาวาสแจงเขียนตามหน้าซอง

โดย nattachat_c

31 ส.ค. 2565

40 views

กัน จอมพลัง บุกวัดหลังชาวบ้านพบชื่อเจ๊นุช ตำรวจทำร้ายทหารรับใช้ เคียงคู่ ส.ว.บริจาคเงินสร้างศาลาวัด 120,000 บาท เจ้าอาวาสเผย ไม่เคยเห็น ส.ว.มาทำบุญร่วม ใส่ชื่อลงไปก็เขียนตามหน้าซองที่มาทำบุญในช่วงเดือนเมษายน


จากกรณีที่กัน จอมพลัง ได้พานางสาว เอ ซึ่งเป็นทหารในสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี เข้าแจ้งความเอาผิดกับ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ หรือ เจ๊ นุช อายุ 43 ปี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย นานนับปี โดยที่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความเนื่องจากเกรงกลัวว่าจะถูกเจ๊นุช จะไปทำร้ายครอบครัวด้วย เพราะเจ๊นุช ได้พูดข่มขู่ไว้ ประกอบกับมีการอ้างชื่อไปถึง สมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่ง จึงทำให้เกิดความเกรงกลัว ต้องยอมให้เจ๊นุช ทำร้ายร่างกายมาตลอด จนมาล่าสุด ยังมีแฟนเจ๊นุช คนใหม่ มาร่วมทำร้ายร่างกายด้วย ซึ่งทางกัน จอมพลัง ก็ได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้องไว้หมดแล้ว


วานนี้ (30 ส.ค. 65) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี ว่าที่ศาลาเอนกประสงค์ภายในวัดแห่งหนึ่ง มีการนำป้ายชื่อคุณธานี อ่อนละเอียด และคุณกรศศิร์ บัวแย้ม บริจาคเงินในการสร้างศาลาเอนกประสงค์ร่วมกับญาติๆ เป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท โดยป้ายชื่อดังกล่าว เป็นป้ายที่ทำมาจากแสตนเลส สีขาว ติดอยู่ภายในศาลาดังกล่าว ซึ่งติดมาได้ประมาณ 2 ปี แล้ว แต่ศาลาหลังนี้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ ทางวัดจึงได้ปิดประตูไว้ตลอด ซึ่งไม่แน่ใจว่าคุณธานี อ่อนละเอียด นั้นจะเป็นคนเดียวกับ สว.นครปฐมหรือไม่


จากนั้น กัน จอมพลังได้เดินเข้าไปที่กุฏิเจ้าอาวาส ด้านข้างศาลาดังกล่าว โดยทั้งคู่ได้พูดคุยกันอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะให้นักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์


พระครูโสภณวิภูษิต เจ้าคณะตำบลท่าราบ เจ้าอาวาสวัดบางลี่เจริญธรรม กล่าวว่า ศาลาแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อตอนปี 2563-2564 โดยมีเงินของญาติโยมและเงินของทางวัดมาร่วมสร้าง โดยเป็นการทอดผ้าป่าไป 1 ครั้ง ซึ่ง ส.ต.ท.(หญิง) ก็มาแต่ไม่บ่อย แต่จะเป็นแม่เขาที่มาเป็นประจำ


ซึ่งตอนที่มาทำบุญบริจาคเงินครั้งนั้นได้เดินทางมากับโยมแม่ของเขา ซึ่งการที่เขียนชื่อลงไปนั้นก็ต้องอยู่ที่เจ้าภาพว่าจะต้องการให้ใส่ชื่อใครลงไป ซึ่งที่ผ่านมานั้นก็ไม่เคยเห็น คุณธานี มาร่วมทำบุญด้วย ส่วนใหญ่ก็จะมาคนเดียวหรือมากับแม่ และก็จะมีทหารรับใช้มาด้วย ก็ดูสนิทกันดีดูแลกันดี เวลาใช้ไปไหนก็ไป ส่วนตัวไม่เคยเห็นทะเลาะกันหรือทำร้ายกัน เพิ่มมาทราบก็ตอนเกิดเรื่องแล้ว บางครั้งก็มีการใช้ให้เอาก๋วยเตี๋ยว หรือน้ำดื่ม มาถวายพระ


ที่ผ่านมาก็ไม่ได้สังเกตว่า ตามร่างกายมีร่องรอยการถูกทำร้ายหรืออย่างไร และตัวทหารหญิงคนนี้ก็ไม่เคยพูด หน้าตาก็ดูธรรมดาไม่ได้เศร้าหมอง


ส่วนกรณีที่ ส.ว.ธานี มาทำบุญหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่เคยเห็น และยังจำไม่ได้ว่าลงชื่อลงไปในรายนามผู้บริจาคหรือไม่ เป็นการลงชื่อตามหน้าซองที่บริจาคมา ในช่วงเดือนเมษายน ที่เปิดรับบริจาค


หลังจากที่เกิดเรื่อง ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ได้ โดยปกติแล้วก็เป็นคนดีสำหรับพระ ไม่มีการก้าวร้าวกับพระ เวลามาพบกับพระก็ปกติธรรดาเป็นฆราวาสทั่วไป เวลาที่วัดมีงานมีกิจกรรมก็จะมาช่วยทำบุญมาช่วยวัดตลอด หลังจากปี 64 มาแล้วนั้นก็ไม่เคยเห็นสามี มาร่วมทำบุญด้วย


ส่วนเงินที่บริจาคมานั้น แม่ของส.ต.ท.(หญิง) กรศศิร์ ได้เคยบอกว่าหลวงพ่อสร้างศาลามีเงินหรือไม่ถ้าไม่มีจะปวดหัว เดี๋ยวถ้ามีจะเอามาช่วยหลวงพ่อทำบุญบ้าง


ในส่วนความคืบหน้าของคดีดังกล่าวนั้น ล่าสุด เจ๊นุช ยังไม่ได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำกลางราชบุรี ส่วนการสอบปากคำนั้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 10 ปาก โดยร่วมกับทางสหวิชาชีพว่าจะเข้าข่ายในข้อหาใดบ้าง

-----------

วานนี้ (30 ส.ค. 65) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พานางสาว เอ ซึ่งเป็นทหารในสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายคมสิทธิ์ จังพานิช น้องชายของนักการเมืองชื่อดังในอำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี และเป็นแฟนของ ส.ต.ท.(หญิง) กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช อายุ 43 ปี ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 (ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1) ที่ทำร้ายร่างกายนางสาว เอ ในข้อหาค้ามนุษย์ หลังได้ไปแจ้งความดำนินคดีในข้อหาร่วมกับเจ๊นุช ทำร้ายร่างกายที่สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และสภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์ แล้ว


โดย นายกัน จอมพลัง ได้บอกว่า วันนี้นำหลักฐานมาให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเพื่อให้ดำเนินคดีกับน้องชายของนักการเมือง เนื่องจากในช่วงที่ผู้เสียหายออกจากการเป็นทหารแล้วน้องชายของนักการเมือง รับไปทำงานด้วย และตั้งแต่ที่ผู้เสียหายไปทำงานด้วยก็ไม่ได้รับเงินเดือน ซึ่งในเรื่องนี้หากใครที่เกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทั้งหมด ซึ่งการยื่นพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนถ้าเข้าข่ายค้ามนุษย์ก็จะดำเนินคดีค้ามนุษย์ โดยเข้าทำงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนสิงหาคม โดยช่วงแรกให้ประมาณพันกว่าบาท แต่มาช่วงหลังไม่ได้ให้เพราะเขาอ้างว่าเราทำงานผิดพลาด


ทั้งที่ตอนแรกตกลงให้ค่าจ้างวันละ 450 บาท ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ได้ค่าแรง แต่ก็ยังทำต่อ เพราะช่วงนั้นลาออกจากทหารและหวังว่าจะได้รับค่าแรง และยังไม่แน่ใจว่าจะขาดออกจากอาชีพข้าราชการหรือยัง เพราะกำหนดเวลาในการลาออก จึงยังต้องดูแลเจ๊นุชอยู่ จนกว่าจะขาดออกจากราชการ ซึ่งก็เคยทวงถามเรื่องค่าแรง แต่ก็โดนบอกว่ายังทำงานผิดพลาดอยู่ โดยไปทำงานดูแลประสานงานกับลูกค้า นอกจากนี้ก็ยังต้องไปดูแลเจ๊นุช โดยการนวดเท้าให้นั่งเฝ้าจนหลับด้วย


ซึ่งก็ยอมรับว่าตอนนี้หลายคนมองว่าเป็นเรื่องการเมือง ก็ขอยืนยันว่า ตนไม่มีพรรคการเมืองทำเรื่องแบบนี้มาเป็นปีๆแล้ว ซึ่งในเคสของน้อง เอ นั้นก็พูดตั้งแรกแล้วว่า จะช่วยน้องให้ถึงที่สุด ถ้าผมทิ้งน้องเพราะผมกลัวเรื่องใดๆก็แล้วแต่ก็ไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง ผมจะไม่ทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง ซึ่งในเรื่องนี้ถ้าไม่มีคนช่วยป่านนี้เรื่องนี้ก็คงจะเงียบไปแล้ว


ส่วนเรื่องที่ยังไม่มีการเปิดชื่อของ ส.ว. มองว่าในเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมาก เพราะหลายคนคงเห็นภาพในโซเซียลแล้ว พวกท่านไม่รู้เหรอว่า ส.ว. คนนั้นเป็นใคร ทั้งที่ฝากคนเข้ารับราชการทหาร ชาวบ้านยังแคลงใจเรื่องว่าท่าไม่


ด้านนางสาวเอ ก็บอกว่าหลังผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ก็รู้สึกกังวลใจ เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนตนเองเป็นมดที่เงยหน้ามองตึกที่สูงใหญ่ ไม่รู้ว่าข้ามตึกสูงไปได้อย่างไร ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเพราะตอนนี้รู้สึกว่ากำลังหวาดกลัว หรือกำลังท้อ ทุกครั้งที่หันมาก็จะได้กำลังจากทุกคน

------------

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงความคืบหน้าการพิจารณาข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนว่ามีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กระทำการใดหรือมีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ ส.ว. และกรรมาธิการ โดยระบุว่า


เลขาธิการวุฒิสภาได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนตามที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร้องเรียนมา ผลปรากฏว่า คือยังไม่ได้ระบุรายชื่อว่าเป็น ส.ว.คนใด ที่ได้กระทำการ หรือมีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับในเรื่องใด และจะต้องระบุเรื่องอันเป็นเหตุให้ต้องใช้สิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ตามสมควรเกี่ยวกับการกระทำของ ส.ว.รายดังกล่าวนั้นให้ชัดเจน


ดังนั้น ประธานวุฒิสภา จึงได้มีคำสั่งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาดำเนินการแจ้งไปยังผู้ร้องเพื่อทราบและปรับปรุงแก้ไขเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้มีความถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นไปตามระเบียบ รวมทั้งประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี สถานีตำรวจภูธรชะอำ และสถานีตำรวจภูธรหัวหิน ซึ่งปรากฏว่าได้มีการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายวัชระร้องเรียน เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น สำหรับประกอบการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวอีกทาง

------------

ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีที่ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ให้เปิดชื่อ ส.ว.ที่มีกิ๊กเป็น ส.ต.ท.หญิง หากไม่เปิดชื่อก็จะไม่สอบสวนว่า


หากอยากทราบว่า ส.ว. คนนั้นเป็นใครให้ไปถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าว ซึ่งสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ หาก ส.ว.ไม่สอบสวน ตนจะถวายฎีกา ต่อประธานองคมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรม เพราะ ส.ว.และ ส.ต.ท.หญิงคนนี้ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จึงเป็นเรื่องที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

-----------

คุณอาจสนใจ

Related News