สังคม

โก้.ผู้ต้องหาปล้นบ้านอดีตปลัดคมนาคมอ้างหนีตั้งหลักลาว 10 ปี

โดย onjira_n

27 ส.ค. 2565

69 views

ตำรวจนครบาลวังทองหลางสอบปากคำ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ อายุ 47 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกันปล้นทรัพย์ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในซอยลาดพร้าว 64 กรุงเทพฯเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2554 หลังถูกตำร​วจตรวจคนเข้าเมืองและ สน.วังทองหลาง ควบคุมตัวจากจังหวัดหนองคายมาถึงที่ สน.วังทองหลางเมื่อ 05.00น.ที่ผ่านมา โดยมีทนายร่วมฟังการสอบปากคำ และในช่วงเช้าวันนี้พนักงานสอบสวนจะนำตัว นายวีระศักดิ์ ไปฝากขังศาลอาญารัชดาเป็นผัดแรกรวม 12 วัน โดยคัดการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุจกรรจ์และมีอัตราโทษสูง



เบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ปฎิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปล้นทรัพย์ของอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมและขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้นส่วนที่ต้องหลบหนี เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นข่าวใหญ่โตเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงต้องการหนีไปตั้งหลักที่ประเทศลาวเป็นเวลากว่า 10 ปี จนกระทั่งถูกทางการ สปป.ลาวส่งตัวมาให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หลังพ้นโทษคดีหลบหนีเข้าเมือง จึงตรวจสอบพบว่ามีหมายจับติดตัวในพื้นที่ สน.วังทองหลาง โดยวันนี้ได้มีการประสานญาติ เพื่อให้นำหลักทรัพย์มายื่นขอประกันตัวชั่วคราวด้วย ส่วนจะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล





สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ12 พ.ย.54 โดยตำรวจ สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุคนร้าย 6 คน บุกปล้นบ้านหลังหนึ่งในซอยลาดพร้าว 64  กรุงเทพฯ เป็นบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม โดยรื้อค้นทรัพย์สินพบกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงเร่งติดตามจับคนร้ายจนได้ทั้งหมด 5 คน คือ นายสิงห์ทอง ใจชมชื่น หรือไก่, นายเสาร์แก้ว นามวงค์ หรือแก้ว, นายพงษ์ศักดิ์ นามวงค์ ลูกชายของนายเสาร์แก้ว, นายสมบูรณ์ ริยะเทน และนายคำนวณ เมฆน้อย เหลือนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หัวหน้าแก๊งที่หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน จนกระทั่งถูกทางการ สปป.ลาวส่งตัวมาให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หลังพ้นโทษคดีหลบหนีเข้าเมือง จึงตรวจสอบพบว่ามีหมายจับติดตัวในพื้นที่ สน.วังทองหลาง



ทั้งนี้ จากคำสารภาพตอนหนึ่งของคนร้ายที่อ้างว่าขนเงินสดมาได้ 200 ล้านบาทจากที่พบจำนวนมหาศาลประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ขณะที่นายสุพจน์ กล่าวอ้างว่า คนร้ายได้เงินไปราว 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเงินคืนมาได้กว่า 18 ล้านบาท พร้อมทองคำรูปพรรณอีก 10 บาท ซึ่งมูลค่าเกินกว่าคำกล่าวอ้างของนายสุพจน์ไปมาก หลังจากตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลว่า นายสุพจน์ร่ำรวยผิดปกติและสั่งอายัดทรัพย์เกือบ 65 ล้านบาทของนายสุพจน์ที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ พร้อมส่งเรื่องต่ออัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน  



คุณอาจสนใจ