ปรับเวลารักษาโควิด กักตัว 5 วัน สังเกตอาการ 5 วัน - 'โมลนูฯ' เป็นยาหลักรักษา - สปสช.วอน ปชช.รับสาย ไม่ใช่แก๊งคอลฯ

การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ชุดใหญ่วันที่ 19 ส.ค.นี้ สธ.จะรายงานมติการประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งล่าสุดให้รับทราบ เรื่องการลดระดับโรคโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เริ่มวันที่ 1 ต.ค. 2565

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.จะต้องวางแผนการบริหารจัดการโรคโควิด 19 จนถึง ธ.ค.2565 ทั้งเรื่องการควบคุมโรค การดูแลรักษา วัคซีน และการประชาสัมพันธ์ โดยรูปแบบการรักษาจะต้องให้ยารักษาลงไปถึงระดับร้านขายยา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น แต่ยังต้องใช้ใบสั่งแพทย์ไปสั่งซื้อยา

ส่วนระยะเวลาการรักษาผู้ติดเชื้อก็มีการทบทวน จากปัจจุบันที่ใช้การรักษาแยกกัก 7 วันและสังเกตอาการ 3 วัน หรือ 7+3 ที่ประชุมได้พิจารณาปรับแนวทางการรักษาใหม่ให้เป็น 5+5 คือ รักษาแยกกัก 5 วัน และให้เฝ้าระวังสังเกตอาการ 5 วัน ส่วนเรื่องยาโมลนูพิราเวียร์จะเป็นยาหลักในการรักษา ซึ่งมีเพียงพอ

----------

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารีย์ เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช.ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวกรณีสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีผู้ป่วยร้องเรียนมายังสายด่วน สปสช. เหตุโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงินล่วงหน้าค่ารักษาโควิดกว่าหนึ่งหมื่นราย โดยมียอดเรียกเก็บตั้งแต่หลักหมื่นถึงสูงสุดเกือบล้าน (สูงสุด 9 แสนบาท เมื่อปี 2564 ) แต่ระยะหลังเริ่มลดลง

จากที่ตรวจสอบ พบว่า มีประชาชนได้รับส่งคืนเงินมาแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่ร้องเรียน ซึ่งพบว่า 1 ใน 3 แสดงใบเสร็จชัดเจนตรง ตามที่ครม.อนุมัติให้เบิกค่ารักษาและอุปกรณ์การแพทย์ได้ ตามจริงไม่ใช่เหมาจ่ายรายหัว

ทั้งนี้ ตามหลักการแล้ว ตามหลักยูเซ็ปโควิด-19 (UCEP Covid) โรงพยาบาลจะไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม หรือค่าล่วงหน้าจากผู้ป่วย ดังนั้นส่วนที่เรียกล่วงหน้าก็ต้องส่งคืน ไม่เช่นนั้นแล้วทางสปสช.และสบส.(กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ)จะตรวจสอบ ก่อนเรียกคืน ถ้าไม่คืนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย

ซึ่งทาง สปสช. ได้พยายามโทรไปหาผู้ที่เคยป่วย เพื่อสอบถาม หลายคนไม่รับสาย เนื่องจากคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงอยากบอกว่าให้รับสาย เพราะทาง สปสช. จะได้สอบถามข้อมูลได้ 
----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/SMdmIH92eGk