สังคม

‘หมอนิธิพัฒน์’ ชี้โควิดยอดไม่พุ่ง เหตุคนกรุงเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว เชื่อติดรวมทุกสายพันธุ์เกิน 70%

โดย petchpawee_k

12 ส.ค. 2565

13 views

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า  


สถิติโควิดวันนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนนักสำหรับอีกหลายคน  แต่สำหรับผมแล้ว เริ่มเห็นจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาการรุนแรง และผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจลดลงช้าๆ นั่นหมายถึงว่าถ้าตัวเลขที่มาแสดงนี้ไม่ถูกบิดเบี้ยว จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศน่าจะกำลังลดลงช้าๆ จากจุดสูงสุดนับแต่ต้นเดือนที่แล้วเป็นต้นมา เหตุที่ลงช้าเพราะมีช่วงวันหยุดยาวมาทำให้ยอดกระเพื่อม


เมื่อวานเจอเพื่อนร่วมงานที่บ้านริมน้ำ ซึ่งรับผิดชอบงานโควิดด่านหน้าที่ห้องฉุกเฉิน ยังทักว่างานของเขากำลังค่อยลดลงแล้ว หลังตึงเครียดมากว่าสามสัปดาห์ เขาก็ว่าเดี๋ยวหยุดยาวสามวันข้างหน้าก็มาใหม่อีก แต่ผมตอบไปอย่างมั่นใจว่าไม่มีทาง เพราะคนกรุงเทพเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว จากติดโอไมครอนทุกสายพันธุ์รวมกันน่าจะเกิน 70% ของประชากรจริงและประชากรแฝงในเมืองหลวงอันแสนศิวิไลซ์นี้


กว่าสามปีของสถานการณ์วิกฤตโควิด ผมต้องพูดคุยกับผู้คนมากขึ้นทั้งออนไซต์และออนไลน์ ได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ที่คิดเล่นๆ ว่าต่อให้เกิดอีกหลายชาติก็ยังทำไม่ได้เท่านี้ (ทุกชาติต้องได้ทำตัวแบบที่ชอบทำอยู่ด้วยนะ) แล้วผู้คนในสังคมในช่วงวิกฤตเดียวกันนี้ มีปฏิสัมพันธ์ต่อสมาชิกร่วมสังคมในแบบไหนกันนะ เนื่องจากในอดีตเวลามนุษย์เผชิญวิกฤตการณ์สุขภาพขนาดใหญ่ร่วมกัน เช่น การระบาดของกาฬโรคที่ตั้งต้นจากลอนดอน และการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน จะเกิดความร่วมมือกันและไว้วางใจกันในการก้าวไปเพื่อข้ามพ้นวิกฤต แต่โรคโควิด-19 ต่างกับเขาตรงที่ติดต่อกันง่ายมากๆ จนคนเราจะยังอยากไว้ใจคนอื่นมากขึ้นกว่าเดิมจริงหรือ


ทีมนักวิจัยจากอิตาลี ได้ทำการสำรวจทัศนคติของกลุ่มคนราวพันกว่าคน ตั้งแต่ เมษายน 2563 และติดตามเป็นระยะๆ ต่อเนื่องไปจนถึง กุมภาพันธ์ 2564 พบว่าประชากรที่ทำการศึกษา มีทัศนคติเชิงบวกและไว้ใจคนแปลกหน้ามากกว่าก่อนโควิดระบาด โดยเฉพาะคนที่ตัวเองติดเชื้อด้วยจะยิ่งแสดงออกแบบนี้มากกว่าคนที่ยังไม่ติดเชื้อ อาจเป็นจากผู้คนแสดงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (altruism) ให้เห็นกันได้แพร่หลายขึ้น


อีกทั้งความจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นก็มากขึ้นด้วย แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงการระบาดลดลง ความไว้วางใจเหล่านี้ก็ลดลงเป็นเงาตามตัว แสดงว่าเรื่องของอารมณ์และจริตมีส่วนมาปรุงแต่งพอควร แต่ในภาพรวมแล้วความไว้เนื้อเชื่อใจกันของคนในสังคม ก็ยังสูงกว่าเดิมเล็กน้อยก่อนที่โควิดเขาจะมา  


ดังนั้นใครที่อ่านสิ่งที่ผมสื่อ ขอให้ถือว่าผมเป็นคนแปลกหน้าในสถานการณ์โควิดไปให้ตลอดแล้วกัน จะได้คล้อยตามสิ่งที่ผมนำเสนอไม่เสื่อมคลาย ส่วนนักการเมืองและข้าราชการประจำในคาถานักการเมือง ขอให้ถือว่าเขาเป็นเช่นคนคุ้นเคย ที่เราเห็นกันมาจนชัดเจนว่ามีไส้กี่ขด มียืดมีหดตามแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวพาไป ดังนั้นเขาพูดอะไรมาก็ตรองให้ดีก่อน หากรีบเชื่อไปก่อนโดยไม่แยกแยะอาจมีน้ำตาตกในภายหลัง

#ชีวิตหลังหมดยุคโควิด_19


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/xXqw2vmd6Yk

คุณอาจสนใจ

Related News