สังคม

จับ 3 หนุ่ม ลักลอบขนกัญชาริมโขง ส่งจากประเทศเพื่อนบ้าน ตร.มึนต้องแจ้งข้อหาอะไร

โดย nattachat_c

20 ก.ค. 2565

533 views

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 19 ก.ค. 65 ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (สถานีเรือ นรข.บึงกาฬ) น.ท.สุรไกร รัตนกุสุมภ์ หน.ยก.นรข.เขตหนองคาย ร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ ด่านศุลกากรบึงกาฬ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันแถลงจับกุม

  • นายจิรชัย มั่นคง อายุ 24 ปี 
  • นายนัคราช สุขประภา อายุ 24 ปี 
  • นายณัฐพงษ์ ตระกูลกิจรุ่งโรจน์ อายุ 26 ปี 


โดยมีของกลางกัญชาแห้งอัดแท่ง 203 แท่ง น้ำหนัก 203 กิโลกรัม ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีทองและสีเหลือง รถยนต์บรรทุกขนาดเล็กด้านหลังทำเป็นตู้ทึบคล้ายรถส่งสินค้า ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2 ฒช 9288 กทม. และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จึงยึดไว้เป็นของกลางแจ้งข้อหา “ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด(พืชกัญชา)เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร”


ทั้งนี้จากการสืบทราบของ น.ท.การันต์ มินวงษ์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดประเภท 5 มาจากประเทศเพื่อนบ้าน มาส่งมอบให้กลุ่มผู้ค้าชาวไทย ที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ใกล้เมรุเผาศพ บ้านห้วยดอกไม้ หมู่ที่ 4 ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงรายงานให้ น.อ.ราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ทราบ พร้อมนำกำลังหน่วยเรือ นรข.บึงกาฬ สนธิกำลังกับ ตชด.244 ตำรวจน้ำบึงกาฬ ทหารร้อยสกัดกั้นที่ 2 กองร้อยสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด วางแผนร่วมกันจับกุม


เวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่ซุ่มรออยู่ พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งเข้ามาจอดบริเวณข้างเมรุเผาศพ บ้านห้วยดอกไม้ จึงได้เฝ้าสังเกตพฤติการณ์ จนกระทั่งได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือแล่นข้ามน้ำโขงเข้ามาจอดริมฝั่งแม่น้ำโขงห่างจากจุดซุ่ม100 เมตร


ขณะใช้กล้องส่องกลางคืนดู เมื่อเรือลำดังกล่าวเข้าจอดริมตลิ่ง มีชายฉกรรจ์แบกกระสอบต้องสงสัยขึ้นมากองไว้ริมตลิ่ง เสร็จแล้วเรือลำดังกล่าวได้แล่นกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว ทันที ต่อมาชาย 2 คนที่มากับรถยนต์คันดังกล่าว ได้เปิดประตูรถเดินลงไปยังจุดที่คนบนเรือโยนกระสอบต้องสงสัยทิ้งเอาไว้ แล้วเดินกลับมายังรถเหมือนเดิม สมทบกับชายอีกคนรวมเป็น 3 คนกำลังจะเดินลงไปแบกเอากระสอบต้องสงสัย 5 กระสอบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ทั้ง 3 คนดังกล่าว


จากการสอบสวนเบื้องต้น นายณัฐพงษ์ ตระกูลกิจรุ่งโรจน์ ให้การรับสารภาพว่าได้รับการติดต่อจากนายโอ๋ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ให้มารับกัญชาที่ จ.บึงกาฬ โดยจะได้รับค่าจ้างคนละ 10,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท โดยให้ขนไปส่งบริเวณพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงได้ชักชวนเพื่อนมาด้วยกันรวมเป็น 3 คน ก่อนถูกจับกุม


พร้อมให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้กัญชากำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะน้ำมันกัญชา เมื่อนำไปสกัดแล้วจะขายในราคาขวดละ 450 บาท 1 ก้อนหรือ 1 กิโลจะสกัดน้ำมันได้ 40-50 ขวด ยิ่งเดียวนี้ในพื้นที่ กทม.นอกจากน้ำมันกัญชาแล้ว ยังมีบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมกัญชา ขายดิบขายดี เป็นเทน้ำเทท่า ราคาสูงถึงหลอดละ 3,000 บาท


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ หลังชุดจับกุมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย และของกลางมาส่งที่ สภ.เมืองบึงกาฬ ว่า ตามข้อหาที่ด่านศุลกากรแจ้งไว้ว่า“ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด (พืชกัญชา) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร” นั้นมีอัตราโทษอย่างไร


ซึ่งได้ข้อมูลว่า ตามกฎหมายของศุลกากรนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 4 เท่าบวกค่าภาษีอากรของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่จะสามารถระบุได้ว่าราคาสินค้าจะอ้างอิงราคากลางจากหน่วยงานไหน และจะใช้กฏหมายมาตราใด มาดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันนำของต้องห้ามต้องกำกัด (พืชกัญชา) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร”


ซึ่งตอนนี้กำลังปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอัยการ ด่านศุลกากร และ ปปส. ในระหว่างนี้ต้องควบคุมตัวไว้ก่อน เพราะมีโทษจำคุก ส่วนจะประกันตัวหรือไม่เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา หากประกันตัวคงต้องให้ศาลพิจารณาค่าปรับ ซึ่งมันเป็นกฎหมายใหม่ยังไม่มีคดีตัวอย่าง ถือว่าคดีนี้เป็นคดีแรก จะต้องศึกษากับผู้รู้อีกที



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/bbPznEe7iwQ

คุณอาจสนใจ