สังคม

หญิง 76 ช็อก! เงินหายจากบัญชีธนาคาร 3 แสน

โดย onjira_n

24 พ.ค. 2565

2.1K views

วันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หอพักหญิงมณีรัตน์ เลขที่ 153/2 ซ.นิลจินดา บ.ธาตุนาเวง ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นบ้านของ นางมณีรัตน์ แสนเมือง อายุ 76 ปี ได้ร้องขอความเป็นธรรมว่า ตนนั้นได้ทำธุรกรรมกับธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาบ้านธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร โดยขณะนั้นมีเงินฝากในบัญชีกว่า 800,000 บาท ต่อมา มีการถอนเงินออกไป เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2564 เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นประมาณ 4 เดือน ได้ไปปรับสมุดบัญชีแต่ต้องช็อกตกใจสุดขีด เมื่อตัวเลขหายไปจากบัญชีถึง 300,000 บาท ตนยืนยันถอนเงินเพียงแค่ 30,000 บาท เนื่องจากนำเงินไปจ่ายค่าช่างในการก่อสร้างงวดสุดท้าย โดยได้บันทึกไว้เป็นงวดๆในสมุดโน๊ตที่เขียนไว้เป็นหลักฐานการเบิกจ่าย



นางมณีรัตน์ แสนเมือง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เดินทางไปยังธนาคาร เพื่อทำการถอนเงินในบัญชีเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท ต่อมาวันที่ 12 ธ.ค.64 นำสมุดบัญชีไปฝากเงินและได้ปรับหน้าสมุดบัญชี ที่สำนักงานใหญ่ ปรากฎว่าเงินหายไปจากบัญชี 300,000 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านั้นถอนเแค่ 30,000 บาท เมื่อดูเอกสารสเตทเม้นท์ย้อนหลัง พบว่า วันที่ 9 ก.ค.64 มีเงินในบัญชีคงเหลือ 785,861.20 บาท ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 เวลา 13.13 น.มีรายการถอนเงินออกไป 30,000 บาท คงเหลือเงิน 755,861.20 ในสเตทเม้นท์ยังระบุว่า ในเวลา 15.38 น.มีรายการฝากเงินเข้ามา 30,000 บาท ทำให้มีเงินคงเหลือ 785,861.20 บาท จากนั้นเวลา 15.41 น.มีรายการถอนเงินออกไป 300,000 บาท คงเหลือ 485,681.20 จึงเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น



นางมณีรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เข้าใจทำไมถึงมีการถอน 30,000 บาท และฝาก 30,000 บาท แล้วก็ถอนออก 300,000 บาท ทั้งที่ตนไปถอนเงินในเวลา 13.13 น.แค่ครั้งเดียว แต่ในสเตทเม้นท์กลับมีทั้งฝากและถอนหลายครั้ง เมื่อทราบเรื่องก็รีบดำเนินการท้วงติงกับธนาคารว่า หลังจากที่ไปถอนเงินดังกล่าวเพียง 30,000 บาท ทำไมเงินหายไป 300,000 บาท ยืนยันไม่ได้หลงลืมและไม่ได้ทำบัตร ATM แต่อย่างใด จึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2565 ล่าสุดได้ปรึกษาทนายความและยื่นร้องต่อศาลจังหวัดสกลนคร ในเรื่องที่เกิดขึ้น กรณีเจ้าของบัญชีไม่ยินยอม หรือมอบอำนาจให้ผู้ใดดำเนินการถอนเงินออกจากบัญชี มีการยื่นหนังสือเพื่อตรวจสอบใบเบิกไปยังสำนักงานใหญ่


“นอกจากนี้ มีวันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งนั้นได้มาพบยาย และให้ยายเซ็นในกระดาษเปล่า เมื่อสอบถามเซ็นทำไมก็ได้รับคำตอบว่า เซ็นเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับลายเซ็นในในเบิก ซึ่งยายก็เซ็นให้ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกันรู้จักกันไม่ได้คิดอะไร ไม่รู้ว่าจะโดนหลอก” นางมณีรัตน์ กล่าว ในขณะที่ นางอัจฉราพร แสนเมือง บุตรสาวของ นางมณีรัตน์ กล่าวว่า วันที่เจ้าหน้าที่ธนาคารมาให้แม่เซ็นนั้น ตนก็อยู่ด้วยและคิดว่าไม่มีอะไร เพราะเป็นคนรู้จักกันไม่คิดว่าจะไปทำอย่างอื่น ผู้สื่อข่าวได้ไปที่ธนาคารแห่งนั้น เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ได้รับแจ้งว่าผู้จัดการธนาคารลา ซึ่งทราบต่อมาว่าธนาคารต้นสังกัด ให้ฝ่ายกฎหมายออกมาปฎิเสธยกคำร้อง ในการฟ้องของโจทก์ เนื่องจากมีเอกสารการถอนเงิน และลงมือลายชื่อไว้ครบถ้วน จำนวนเงิน 300,000 บาท



คุณอาจสนใจ