น้ำท่วมสุราษฎร์ฯ เริ่มลด เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชน

เมื่อเวลา 09.15 น. วันนี้ (7 พ.ค. 2565) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยกรณีเกิดฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงวันที่ 6-7 พ.ค. 2565 ช่วงเช้าประมาณ เวลา 07.00 น. ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วม มีพื้นที่ได้รับผลกระทบรวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิภาวดี อ.ไชยา และ อ.ท่าฉาง รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน


ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 130 ครัวเรือน 523 ราย บ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง 7 หลัง, เสียหายบางส่วน 18 หลัง, มีผู้สูญหาย 1 ราย เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัด ส่วนถนนในหมู่บ้านชำรุดเสียหาย 25 สาย สะพานหรือคอสะพานชำรุดเสียหาย 18 แห่ง โดย


อ.วิภาวดี ต.ตะกุกเหนือ หมู่ที่ 7,8,11,13,15 บ้านเรือนพังเสียหายบางส่วน 9 หลัง ประชาชนได้รับผลกระทบ 52 ครัวเรือน 208 คน


อ.ไชยา ต.ปากหมาก หมู่ที่ 7 บ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง 7 หลัง เสียหายบางส่วน 8 หลัง ประชาชนได้รับผลกระทบ 45 ครัวเรือน 180 คน


อ.ท่าฉาง ต.ปากฉลุย หมู่ที่ 4 และ 5 บ้านเรือนพังเสียหายบางส่วน 1 หลัง มีผู้สูญหาย 1 ราย เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ข้าม box culvert ประชาชนได้รับผลกระทบ 33 ครัวเรือน 135 คน


สถานการณ์ปัจจุบันช่วงเช้าวันนี้ ยังมีฝนตกในพื้นที่เล็กน้อย โดยปริมาณน้ำฝนสะสมในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา วัดได้สูงสุดที่หมู่ที่ 7 บ้านคลองไม้แดง ต.ปากหมาก อ.ไชยา 173 มิลลิเมตร ขณะที่ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง


ในส่วนของการให้ความช่วยเหลืออ.วิภาวดี อ.ไชยา อ.ท่าฉาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ มทบ.45, นพค.46, กองบิน7, ศูนย์ ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี, ปภ. แขวงทางหลวงสุราษฎร์ธานีที่ 1, โครงการชลประทาน สุราษฎร์ธานี, ตำรวจภูธรจ.สุราษฎร์ธานี, มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี, มูลนิธิร่วมใจสยามปู่อินทร์ (บ้านยางโพรง) , กู้ชีพกู้ภัย อบต.ปากหมาก, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันช่วยยกของขึ้นที่สูง พร้อมสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เข้าค้นหาผู้สูญหายและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบฯ


ด้านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม จ.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งการอำเภอและหน่วยงานเกี่ยวข้อง แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านล่าง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมศูนย์อพยพ เครื่องมือ อุปกรณ์ รถยกสูง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันที