สังคม
สุวรรณภูมิระทึก! ชายคลั่งบุกลานจอด หลอนยาปล้นเครื่องบิน อาจโทษหนักถึงประหารชีวิต
โดย thichaphat_d
4 พ.ค. 2565
503 views
สนามบินสุวรรณภูมิระทึก หนุ่มคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าถึงลานจอดสนามบินสุวรรณภูมิ ประชิดเครื่องบิน ‘บางกอกแอร์เวย์ส’ เคราะห์ดี เจ้าหน้าปิดประตูเครื่องบินทัน หันไปทุบกระจกประตูขึ้นเครื่อง จนแตกกระจาย ก่อนถูกรวบตัวได้
ด้านท่าอากาศยานแจง ไม่ได้หละหลวม ระงับเหตุได้ทันท่วงที ยึดของกลาง อาวุธเทียม ทั้งปืนสั้น ขวานเหล็ก, กรรไกร พร้อมด้วยยาบ้า 1 เม็ด เผยผู้ก่อเหตุหลอนยาจะปล้นเครื่องบิน ตรวจพบเป็นพนักงานคลังสินค้าย่านสมุทรปราการ ล่าสุดยังเมา ถูกตั้ง 6 ข้อหาหนัก โทษหนักถึงประหารชีวิต
วานนี้ (3 พ.ค. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุมีชายคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าไปในเขตการบิน (Airside) ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ของสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยชายดังกล่าว ได้เข้าไปทางประตูทางเข้าลานจอด 3 (Control Post 3 ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ คอนคอร์ด A พร้อมกับพกอาวุธคล้ายขวานที่ประดิษฐ์เอง มุ่งไปยังประตูเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ในที่สุด
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะเกิดเหตุ มีเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ จอดอยู่ที่ บริเวณ Bay 101L ซึ่งขณะนั้นผู้โดยสารได้ลงจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของสายการบินเห็นชายดังกล่าวมุ่งหน้าเข้ามา จึงทำการปิดประตูเครื่องบินได้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวมุ่งไปที่สะพานเทียบเครื่องบินประตู A 4 และขึ้นไปด้านบน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้ารวบตัวไว้ได้
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ประตูสนามบินมีหลายชั้น บริเวณทางเข้าลานจอดรถ 3 นั้น เป็นจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจค้น โดยผู้ที่จะผ่านเข้าได้ จะต้องมีบัตรอนุญาต ซึ่งชายดังกล่าวอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถคันข้างหน้า และเปิดทางให้ผ่าน แทรกเข้าไปได้ จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปที่สะพานเทียบเครื่องบิน และวิ่งขึ้นไปทางบันไดจนถึงบริเวณ สะพานเทียบเครื่องบิน
ซึ่งการผ่านเข้าพื้นที่หวงห้ามของสนามบิน ต้องผ่านการตรวจสแกนอย่างเข้มงวด การที่ชายคนดังกล่าวสามารถบุกเข้าไปจนถึงเครื่องบิน และการขึ้นไปทางบันไดของสะพานเทียบเครื่องบินนั้น ตามระเบียบประตูจะปิดล็อกให้เปิดได้จากด้านใน ไม่สามารถเปิดจากด้านนอกได้ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ล็อกทำให้ชายดังกล่าวสามารถเปิดจากด้านนอกเข้าไปได้
โดยหลังเกิดเหตุพบว่า ชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถูกกระจกของทางเข้าอาคารผู้โดยสารแตกใส่ และจากการต่อสู้กับทางเจ้าหน้าที่ ขณะที่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่บางนายได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกายด้วยเช่นกัน
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดเลย พร้อมยึดของกลางเป็นปืนปลอมสั้น 1 กระบอก ขวานด้ามเหล็กยาวกว่า 50 เซนติเมตร กรรไกรปลายแหลมด้ามพลาสติก 1 อัน ยาบ้าสีส้ม 1 เม็ดบรรจุในกล่องพลาสติก ทองรูปพรรณ โดยในเบื้องต้นชายคนดังกล่าวยังอยู่ในอาการเมาสารเสพติด และยังไม่สามารถเอาตัวมาสอบปากคำได้ จึงต้องนำตัวเข้าห้องขังเพื่อสงบสติอารมณ์
จากการสอบถาม นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยชายคนดังกล่าว ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยตรงประตูทางเข้า contropost ๓ ด้านขาเข้า ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามสูงสุด
โดยคนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าที่ขับรถกระบะกำลังเข้าพื้นที่หวงห้าม ชายคนดังกล่าวจึงชักปืนออกมาถือที่มือซ้าย แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถกระบะของเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าสู่พื้นที่ด้านใน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังผู้เกี่ยวข้องไล่ติดตามควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ได้ในเวลาเพียง 9 นาที
จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองยืนยันว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ได้หละหลวมแต่อย่างใด และมีแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ตลอดเวลา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้ต้องหาอาศัยจังหวะที่รถของเจ้าหน้าที่กำลังผ่านประตูทางเข้า ผู้ต้องหาจึงเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์แซงซ้ายรถเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่
ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบิน ซึ่งตนเองจะได้เรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาทบทวน และเพิ่มแนวทางป้องกันเหตุในลักษณะเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ตนเองมุ่งเน้นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านชีวิตของเจ้าหน้าที่และผู้โดยสาร เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในเรื่องของชีวิต ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม จากกรณีดังกล่าวจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ของการท่าใช้หลักประเมินสถานการณ์และคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะตัดสินใจเข้าชาร์จจับกุมตัวชายดังกล่าวได้สำเร็จ
ด้าน ร.ต.อ. ไพศาล วีระกิจพานิช รองสารวัตร(สอบสวน) เปิดเผยเบื้องต้นว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการเมาสารเสพติด ทราบว่าผู้ต้องหารายนี้มีอาชีพเป็นพนักงานคลังสินค้าแห่งหนึ่งที่ย่านอำเภอบางเสาธง หลังเลิกงานออกกะเช้า จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากคลังสินค้ากลับไปที่ห้องพักในเคหะเมืองใหม่บางพลี
จนกระทั่งเกิดอาการประสาทหลอน อ้างว่ามีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบินจึงคว้าอาวุธขับขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ามาที่สนามบิน พอมาถึงประตูทางเข้าดังกล่าว เป็นจังหวะที่รถของเจ้าหน้าที่กำลังเข้าพื้นที่ จึงเร่งเครื่องแซงซ้ายเข้าไป จนกระทั่งถูกตามจับกุมตัวได้สำเร็จ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 6 ข้อกล่าวหา คือ
1.ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มามาตรา 19 ผู้ใดใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ถ้าการกระทำนั้น เป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท
2.พกพาอาวุธ(ขวาน)ไปในทาง เมือง ชุมชน และพื้นที่ห้วงห้ามเขตการบิน โดยไม่ได้รับอนุญาต
3.ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว
4.ขับขี่ยานพาหนะขณะเสพสารเสพติดในร่างกาย
5.ทำให้เสียทรัพย์
6.ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน
ขณะที่ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า เมื่อได้รับแจ้งเหตุ ศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิดตลอดเหตุการณ์ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขับรถยนต์สายตรวจเข้าตามสกัดจับผู้บุกรุก แต่เนื่องจากผู้บุกรุกมีอาวุธทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กำลังในการควบคุม ขณะจับกุม บุคคลดังกล่าวยังมีอาการมึนเมาจากการเสพยาเสพติด พร้อมอาวุธ
เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ส่งผลต่อการให้บริการผู้โดยสารและเที่ยวบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที และเป็นไปตามขั้นตอน
ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ ทสภ. ได้รับความเสียหายโดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคาร
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/TagU1PyHkoE