สังคม

เหตุเกิดจากปวดหลัง 'สีกาตอง' เล่าสัมพันธ์ 'อดีตพระกาโตะ' ยันทำเพราะรัก ปัดยั่วยวน ทั้งที่รู้ว่าบาป

โดย thichaphat_d

3 พ.ค. 2565

535 views

จากกรณีคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าคล้ายกับพระหนุ่มนักเทศน์ชื่อดังใน จ.นครศรีธรรมราช พัวพันกับสีการายหนึ่ง จนเป็นข่าวที่ถูกให้ความสนใจอย่างมาก ทำให้หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปที่ พระพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง กระทั่งถูกกดดันจากสังคมจนต้องลาสึกจากความเป็นพระ

วานนี้ (2 พ.ค.) สีกาตอง ที่มีข่าวกับอดีตพระกาโตะ ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับทีมข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบหมดเปลือก โดยสาวตองเล่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ติดต่อไปหาพระกาโตะ ผ่านทางอินสตราแกรม ตั้งแต่ช่วงเดือน พฤศจิกายน ปี 2564 เพื่อนัดวันเข้าไปทำบุญ เพราะรู้จักพระกาโตะในฐานะพระนักเทศน์ที่มีคำคมให้แง่คิดที่ดี

กระทั้งได้วันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา สีกาตองและแม่เข้าไปถวายเพลที่วัดและได้เจอกับอดีตพระพี่กาโตะ ซึ่งเธอได้บอกไปว่าตัวเองป่วยเป็นโรคไบโพลาร์และมีภาวะซึมเศร้าเครียดปัญหาต่างๆ พระกาโตะ ก็พาสนทนาธรรมเดินชมรอบวัด จนทำให้ใบตองรู้สึกดีขึ้น ตอนนั้นไม่มีอะไร ก็แยกย้ายกัน คุยกันมาเรื่อย ๆ ถามว่าติดต่อยังไง ก็แอดเบอร์เลยได้ไอดีไลน์  อดีตพระกาโตะ จะถามทำอะไร เป็นการทักมาถามตลอด แนวชวนคุยให้ตนรู้สึกสบายใจ รู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วง

สีกาตองยังเผยอีกว่า “คุยกันประมาณ 2 อาทิตย์ ก็เริ่มมีความสัมพันธ์ สานต่อกันมาเรื่อยๆ ความจริงรู้กันอยู่ 2 คน ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าต่างฝ่ายไม่มีใจให้กันมันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ตนเชื่อว่าอดีตพระกาโตะ ก็มีใจให้ตน ตอนนั้นทั้ง 2 ฝ่าย แฮปปี้ดีมีความสุข คุยกันลักษณะคบหากัน เขามาในช่วงที่ตนอ่อนแอทางใจ รักษาโรคไบโพลาร์ ตนไม่มีใคร การที่มีคนมาใส่ใจทุกๆ 15 นาที คอยถามว่าทำอะไรครับอยู่ตลอดเวลา มันรู้สึกหวั่นไหว”

สีกาตองเผยต่อว่า เขาใส่ใจตนเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ ตนก็ดูเขาไปเรื่อยๆ เขาจะคอยพูดหยอดคุยกันในไลน์ว่าตนสวยดี ดาราเลยล่ะ ตนถามอดีตพระกาโตะ ว่าเคยคุยแบบนี้กับใครมั้ย เขาบอก “เคยครับกับแฟนเก่า” ทั้งนี้ตนพยายามหักห้ามใจรู้เสมอว่าผิด

“ครั้งแรกที่ชวนกันไปดูดาว มีอะไรกันบนรถที่เขื่อนตอน 4 ทุ่ม ตนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราตั้งใจไปด้วยเจตนาดี เขาอาจต้องการให้ตนหายจาคโรค ไปพักผ่อนสมอง โดยครั้งนี้ตนขับรถไปรับอดีตพระกาโตะที่วัด เขามายืนรอข้างถังน้ำแข็ง หอบหมอนกับผ้าห่มนวมมาด้วยแล้วขึ้นรถ ตนถามว่าเอามาทำไมเยอะ เขาบอกกลัวหนาวเอามาไว้รองนอนเพราะเบาะพับได้ จากนั้นมีการพูดคุยกัน อดีตพระมักบอกว่าปวดเมื่อย ตนจึงบอกว่าจะนวดให้และข้ามเบาะไปนวด ทายาและนวดหลังให้อดีตพระกาโตะ บนรถบริเวณเขื่อนซึ่งมืดมาก เปิดสบงออกนิดหนึ่ง”  

ก่อนนวดตนถามว่านวดให้ได้มั้ย อดีตพระกาโตะ บอกนวดได้ไม่บาปถ้าเจตนาดี จึงเชื่อคำพูดของเขา พอได้จับตัวมันก็เริ่มเคลิ้มทั้งคู่ นวดไปคุยไปกันสองต่อสองอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง เรื่องทั้งหมดเป็นความจริง หลังจากมีอะไรกันเสร็จตนก็ขับรถมาส่งอดีตพระกาโตะ ที่วัด  จากนั้นก็มีการพูดคุยกันดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำให้กำลังใจตนดีขึ้น

ครั้งที่ 2 ที่มีอะไรกันบริเวณข้างๆ วัดตอนกลางคืน ทีแรกจะขับรถไปที่ไกลๆ แต่อดีตพระกาโตะ บอกอย่าเลยเอาตรงนี้ดีกว่า หลังจากนั้นคุยกันก็เริ่มมีปัญหากัน ตนขี้โมโห หงุดหงิด ชอบโทรไปวีนอดีตพระกาโตะ ทำให้เขารำคาญเพราะแรกๆ คุยกันบ่อย หลังๆ  พอมีอะไรกันเขาเริ่มหายไป  

หลังจากมีสัมพันธ์กัน 2 ครั้ง ก็รู้ตัวว่าผิด ไม่อยากทำลายพระพุทธศาสนา และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก จึงตัดสินใจส่งข้อมูลให้หมอปลา ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ซึ่งหมอปลาบอกว่า ต่อให้มีหลักฐานชัดเจน พระบางรูปก็ไม่รับ ต้องวางแผนจับคาหนังคาเขา แต่คุณตอง ใจร้อน ไปส่งข้อมูลต่อให้กับหลวงพี่ย้อย จึงเกิดเป็นเรื่องขึ้นมา

สีกาตองยืนยันไม่คิดแบล็คเมล พูดกับเขาเสมอว่าเราจะไม่ทำร้ายกัน แต่สิ่งที่ตนได้ทำไปขัดกับความถูกต้อง และที่อดีตพระกาโตะ บอกว่าตนเองยั่ว เขาสามารถพูดได้ทุกอย่างในสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเขา ตนไม่โกรธที่มาบอกว่าไปยั่วเขา แค่ตนอยู่เฉยๆ ก็ดูเอ็กแล้ว หลังจากที่อดีตพระกาโตะ ออกมายอมรับความจริงแล้ว ตนก็ขอยุติเรื่องเพราะทางครอบครัวของตนก็บอกให้พอตั้งนานแล้ว ตนไม่อยากทำให้แม่ทุกข์ใจ

“ดีใจที่เขากล้าพูด ตอนแรกโกรธที่เขากล้าที่จะบอกว่าไม่จริง เขาพูดอยู่คำหนึ่งทำอะไรรู้อยู่ในใจ ตนฟังแล้วส่ายหน้า คุณทำอะไรรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ตนไม่กลัวโดนแฉกลับ เพราะรู้อยู่แล้วผลเสียจะตามมาแบบไหนบ้าง แฟนคลับเขาเยอะหรือสังคมจะมาโจมตีก็ไม่กลัว ตนไม่ได้ขอข้าวเขากิน ตนคิดว่าต่อจากนี้ถ้าต่างกันต่างอยู่มันบคงจบ แฟนคลับเขาก็อย่ามาข้องเกี่ยวกันเลย”

ประเด็นเรื่องเงิน 3 แสนบาท โดยเป็นพ่อเลี้ยงที่ไว้ใจได้ ของอดีตพระกาโตะ โดยนัดรับเงินที่หลังเซียร์ รังสิต แลกกับการให้ลบไลน์และปิดบัญชีธนาคาร ตนไม่ได้เรียกร้อง เขาปรารถนาเองที่จะให้ไปเป็นค่ารักษาตัว  เขาบอกจะช่วยเงิน 3 แสน เขาพูดเองที่จะให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่คืนแต่จะนำไปทำบุญ ฝากบอกอดีตพระกาโตะ

“อย่าไปเล่นกับความรู้สึกใคร บางทีผู้หญิงค่อนข้างมีความรู้สึกที่ดีๆ ถ้าไปเจอผู้หญิงที่โดนแบบนี้แล้วฆ่าตัวตายไปเลยจะเป็นตราบาปไปตลอด เขามีเสน่ห์ มีวาจาในการพูดที่ดี ขอให้เขานำสิ่งนี้ไปใช้ในทางที่ดี ไม่ใช่นำมาใช้แบบนี้ อย่าให้เกิดขึ้นอีก”

สีกาตองกล่าวว่า อดีตพระกาโตะ ย้ำเสมอว่าเขายังเด็ก อยากบอกว่าต้องโตได้แล้ว เพราะวันนี้คุณไม่ใช่เด็กแล้วบรรลุนิติภาวะแล้ว “ยอมรับว่าตนเองระอายมาก ๆ รู้ด้วยว่าจะโดนอะไรกลับมา แต่ถ้ายังอยู่แบบนี้ตนไม่สบายใจ ขอทำสิ่งที่ถูกต้อง มันเป็นตราบาปและเก็บไว้ในใจคนเดียว มันอึดอัด ขอให้ตนตายชาตินี้ โดยที่ตนได้เปิดเผยเรื่องทุกอย่าง เพราะไม่อยากโกหกใคร” ตอนนี้ทัวร์ลงว่าตนไปให้ท่าอดีตพระกาโตะ ไปยั่วยวนเอง หิวเงิน กำลังปรึกษาทนายความจะฟ้องชาวเน็ตทุกรายที่กล่าวหาในทางไม่ดี หลักฐานมีครบหมดแล้ว

สีกาตอง ยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้จะมีสติ ขอแก้ตัวในส่วนที่ทำผิดไป ขอแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด เชื่อว่าตนกับอดีตพระกาโตะ มีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเสมอ ไม่งั้นคงไม่อยู่มาถึง 3 เดือน ตนศรัทธาในความรักที่ทำให้ตนกับเขาได้คุยกันต่อ ตนค่อยข้างอึ้งที่ได้ยินอดีตพระกาโตะ พูดว่าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับตน  นักข่าวถามสีกาตองว่าเรียกว่า “รัก” มั้ย สีกาตองตอบว่า “ใช้ได้ค่ะ”

ตอนนี้ทำใจได้แล้ว เพราะรู้ตัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ตนเลือกที่จะเดินเฟดออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตนเองยั่วยวนอย่างไร เพราะแต่งกายมิดชิดทุกครั้ง แต่ครั้งแรกที่เจอกันตอนถวายเพล ตนเห็นสายตาของอดีตพระกาโตะ โดยมองผ่านกระจกหลัง สายตามองตามตลอด จึงถามแม่ว่าทำไมเขาถึงมองมองตลอด กระทั่งขับรถลงจากเขาไป ตนรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่วันนั้น

“ยอมรับสิ่งที่ตนทำมันบาปแน่นอน เขาบอกเจตนาดีไม่เป็นแล้วก็เปิดหลังให้นวดจนมีความสัมพันธ์เกินเลย สึกแล้วคงไม่มาอยู่ด้วยกัน มันจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ย้ำตนขอทำในสิ่งที่ถูกต้อง น้อมรับที่ โดนกระแสสังคมต่อว่าหญิงก็ร้ายชายก็เลว วันนี้ตนทำสิ่งที่ถูกต้องให้แล้ว อย่างน้อยทุกคนจะได้ตาสว่างว่าพระก็มีแบบนี้ ตนไม่สามารถโกหกใครอีกต่อไปได้ รู้สึกโล่งมาก วันนี้แหละที่เรารอคอย”    

สีกาตองกล่าวต่อว่า คลิปทั้งหมด 7 คลิป ตนส่งให้พระย้อย ไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว คือในเฟซบุ๊กมีพระ 1-2 ท่านที่เห็นหน้าเฟซบุ๊กบ่อยๆ ไม่ทราบชื่อด้วยซ้ำ ตนเรียกหลวงพี่เฉยๆ ส่วนเรื่องที่ตนบอกตนกุเรื่องมาตอนแรกนั้น ที่บอกว่าพระกาโตะไม่เป็นแบบนั้น คือมีพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรฯมา ท่านแจ้งว่ารู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้วนะ เพราะว่าพระรูปนี้บอกมา เล่าให้ฟังหมดแล้ว เรามาหาทางออกกัน เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว มาหาข้อสรุปกันในแนวเดียวกัน เพื่อตัดปัญหาตองเองก็อยากให้จบเร็วๆ ไม่อยากให้มีผลกระทบกับใคร ตนไม่มีชื่อเสียงเราเลยคิดว่าเรายอมโดนด่าเอง หลังจากมาพูด

สีกาตอง ยืนยันตนเป็นโรคซึมเศร้ามานาน 11 ปี และเพิ่งตรวจพบเป็นไบโพลาร์ช่วงเดือนธันวาคม ถ้าใครทำอะไรให้ตนเองไม่ไม่พอใจจะมีอาการแสดงออกรุนแรง ไม่ทำร้ายตัวเองแต่จะทำร้ายคนรอบข้าง เป็นสาเหตุที่ตนต้องมาอยู่กับแม่ และแม่พาไปวัด จนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น นักข่าวถามว่าจากนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร สีกาตองบอกว่าจะเดินสายทำบุญ ต่อไปนี้ขอให้เป็นเรื่องของกรรม

สีกาตองได้ขอโทษอดีตพระกาโตะ แล้วในรายการโหนกระแสแล้ว ไม่ขอคุยอะไรกันอีก พร้อมระบุว่า  “ไม่ได้เป็นการแบล็คเมล์ มันเป็นความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาแล้ว ไม่ได้ขู่ แต่คนหนึ่งลำบากก็ต้องช่วยกัน อยากให้ยุติ ตอนนี้มีอะไรเคลียร์ตอนนี้เลย ถามว่าเงินคืนไหม 3 แสน ใช้ไปแล้วค่ะ เขาพูดว่าให้ด้วยความเสน่หา

ตอนที่พูดมีคลิปเสียงแต่เงินต้องแบ่งส่วนทำบุญแน่นอน หนูก็ขอโทษทุกอย่างที่ทำให้คุณลำบากใจหรือทุกข์ใจ แต่ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ความปรารถนาดีมีให้เสมอค่ะ ที่ชาวเน็ตด่าเลวทั้งคู่ ขอโทษที่คิดน้อย ทำอะไรไม่มีสติ เอาอารมณ์ตัวเองเป็นหลัก ขอโทษวงการพระพุทธศาสนาด้วย ขอโทษพระทุกรูปค่ะ”


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7oyCVTSm5HM

คุณอาจสนใจ

Related News