แก๊งต้มตุ๋นหลอกตายาย ร่วมลงทุนที่ดิน เสียเงินและทองรูปพรรณกว่าแสนบาท

เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (1 พ.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบกับผู้เสียหาย คือ นายคำพันธ์ อันทฤทธิ์ อายุ 74 ปี และนางสมพร อันทฤทธิ์ อายุ 66 ปี สองสามีภรรยา อดีตนักการภารโรงโรงเรียนสีชมพูศึกษาที่ถูกแก๊งหลอกร่วมลงทุนซื้อที่ดิน ทำให้ต้องสูญเสียเงินสดจำนวน 30,000 บาท และทองรูปพรรณอีก 1 บาท มูลค่า 6 หมื่นบาทเศษ


นายคำพันธ์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2565 ขณะที่ตนเองกำลังอยู่ในสวน บ้านวังทอง ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ได้มีชายหญิง 2 คน ขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิคสีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 5135 กรุงเทพมหานคร เข้ามาถามหาซื้อที่ดินบริเวณนี้ ว่า มีใครต้องการขายหรือไม่ ตนจึงบอกว่ามีคนต้องการขายอยู่คนหนึ่ง เดี๋ยวจะพาไป จึงนัดเจอกันวันที่ 29 เม.ย.65 ที่สวนของตนเอง

วันนัดพบตนได้ชักชวนนางสมพร ภรรยา ไปด้วย ซึ่งชายหญิงคู่นั้นก็มาตามนัดพร้อมกับบอกว่า จะให้เงินคนละ 1,000 บาท ค่าเสียเวลาในการช่วยพาไปดูที่ดินวันนี้ จากนั้นมีโทรศัพท์เข้ามา โดย 1 ในนั้นได้พูดว่ามีคนต้องการขายที่ดิน 20 ไร่ อยู่ที่บ้านลอมไผ่ ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร พร้อมกับชักชวนให้ตนเองและภรรยาไปด้วยกัน โดยนัดเจอกับเจ้าของที่ เมื่อไปถึงเจอกับชายคนหนึ่งกำลังเดินพาไปยังที่ดินแปลงที่จะขาย ทั้งสองฝ่ายได้พูดจาก่อนจะตกลงซื้อขาย ที่ดินแปลงดังกล่าวในราคา 7 แสนบาท จากนั้นได้มีการโทรศัพท์เพื่อนัดรับเงินจากนายทุนจำนวน 400,000 บาท มาวางมัดจำและมีการนำเงินให้กันจริง ๆ


นายคำพันธ์ เล่าต่อว่า จากนั้นได้มีการมานั่งท่องนะโม 3 จบ พร้อมกับการสาบานว่าจะไม่บอกเรื่องในวันนี้ให้กับคนในครอบครัวได้รู้ ตนเองก็ไม่เอะใจอะไร จากนั้นก็ได้มาดูที่ดินที่มีการนัดตกลงราคากันแล้วในราคา 7 แสนบาท แต่ทั้งสองคนได้ออกอุบายว่าตอนนี้โฉนดที่ดินติดจำนองกับนายทุนใน อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู และเงินหมด จึงขอยืมเงินจากตนเองและภรรยาก่อน ฝ่ายหญิงบอกว่าจะนำเงินจำนวน 1.2 ล้านบาท มาเพื่อไถ่ถอนโฉนดที่ดิน โดยให้ตนเองกับภรรยานำเงินมาร่วมสมทบกัน และจะมีการแบ่งเงินให้ จากนั้นตนเองจึงกลับเข้าบ้าน เพื่อไปนำสมุดบัญชีไปเบิกเงินโดยไปกดเงินที่ธนาคาร ธกส. ซึ่งตนเองได้กดเงินจำนวน 10,000 บาท ส่วนภรรยาเบิกเงินจำนวน 20,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท โดยชายหญิงทั้งสองคนได้นั่งรอในรถ

จากนั้นทั้งสองก็ไปจอดรถหน้าร้านถ่ายเอกสาร พร้อมบอกให้ตนเองกับภรรยาลงไปถ่ายสำเนาบัตรประชาชน โดยทั้ง 2 คนบอกว่าจะไปกดเงินที่ตู้ ATM และไปคุยกับเจ้าของที่ดิน เมื่อพวกตนเองถ่ายเสร็จก็รอไปเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มารับปล่อยตนเองไว้โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้รู้ว่าถูกหลอก จึงได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรสีชมพู เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป