สังคม

'เจ้าอาวาส' เตรียมฟ้องกลับแท็กซี่ อ้างขอมีเพศสัมพันธ์ - ตำรวจชี้แท็กซี่ คดีหมดอายุความแล้ว

โดย thichaphat_d

20 เม.ย. 2565

127 views

จากที่นายอำนาจ ข้อเพชร อายุ 52 ปี อาชีพขับรถแท๊กซี่ ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ ซึ่งมีพฤติกรรมในลักษณะชายรักชาย หลอกล่อใช้กลอุบาย ก่อนจะขอมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลังกับตนเอง แต่เมื่อไม่ยอม สุดท้ายต้องใช้มือช่วยให้เจ้าอาวาสวัดรูปนี้ จนสำเร็จความใคร่ตามที่ต้องการ


ส่วนเหตุที่ยอมออกมาเปิดเผยและแจ้งความ เพราะเชื่อว่าคงมีผู้เสียหายไม่น้อยที่ถูกกระทำแบบตนเหมือนกัน และหากมีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ไม่สมควรเป็นเจ้าอาวาส


ทางด้านนายสิทธา มูลหงษ์ โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับทราบเรื่องแล้ว และสั่งการให้กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ตรวจสอบข้อเท็จจริง


เช้าวานนี้ (19 เม.ย. 65) นายสหัส บรรจงเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นนทบุรี ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในวัดเรียบร้อยแล้ว ไม่พบเจ้าอาวาสที่ถูกโซเฟอร์แท็กซี่แจ้งข้อกล่าวหา ทราบว่า ออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้


เบื้องต้นได้ประสานตำรวจสภ.บางใหญ่เจ้าของคดี ซึ่งต้องรอให้ตำรวจสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน ทั้งผู้แจ้งความและผู้ถูกกล่าวหา ทางคณะปกครองพื้นที่จึงจะพิจารณาว่า เจ้าอาวาสดังกล่าวมีความผิดตามพระวินัยหรือไม่ ตอนนี้ยังถือว่าพระรูปนี้เป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่


ในเวลาต่อมา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ พบพระครูวินัยธร ภาณุมาศ ภานุปาโณ เจ้าคณะตำบลบางม่วงเขต 2 และพระครูใบฎีกาณัฐวุฒิ อานฺนโท เจ้าอาวาสวัดบางเลนเจริญ (ถูกกล่าวหา) เพื่อสอบถามกรณีที่แท็กซี่โชว์เฟอร์อ้างว่าเจ้าอาวาสวัดบางเลนเจริญบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว และเตรียมทนายเพื่อฟ้องกลับโชเฟอร์แท็กซี่


พระครูวินัยธร กล่าวว่า ตามที่เป็นข่าว อาตมาจึงเรียกเจ้าอาวาสวัดบางเลนมาสอบถามข้อมูล ได้ความว่าไม่เป็นความจริงและไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศตามที่แท็กซี่บอก เมื่อปลายปี 62  ทางเจ้าอาวาสมีกิจนิมนต์ไปสวดอภิธรรมวัดส้มเกลี้ยง จึงออกมาเรียกแท็กซี่และรอสวดเสร็จ ก็กลับมาส่งที่วัด ไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด


ทางเจ้าอาวาสได้ขอเบอร์แท็กซี่ เพื่อที่จะเรียกใช้ เมื่อเดือนธันวาคมปี 63 ท่านเดินทางไปภูทับเบิก เพื่อเรียกมาให้ไปส่ง เป็นเวลาค่ำจึงหาโรงแรมพัก ไม่มีการล่วงละเมิด ทางเจ้าอาวาสก็เรียกใช้บริการแท็กซี่ตามปกติ ทราบมาว่าแท็กซี่เดือดร้อนเรื่องการเงิน เคยมาขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าอาวาส ท่านก็ช่วยเหลือปัจจัยไป โดยให้เงิน 1,000 บาท และข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งทางวัดก็ช่วยเหลือทุกๆคน


เมื่อมีข่าวเกิดขึ้น ทางแท็กซี่จะเข้าไปแจ้งความได้โทรมาข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจะไปแจ้งความ เจ้าอาวาสจึงให้ไปแจ้งเพราะมันไม่ใช่ความจริง มองว่าเป็นการแจ้งความที่ไม่เป็นความจริง ตอนนี้จะดำเนินคดีต่อแท็กซี่ตามกฏหมาย และอย่าพึ่งหลงเชื่อ ส่วนใหญ่ประชาชนหลงเชื่อกันเยอะ อยากให้ฟังทั้ง 2 ฝ่าย


พระครูใบฎีกาณัฐวุฒิ (ถูกกล่าวหา) กล่าวว่า วันที่ไปภูทับเบิกไปเปิดห้องเดียว อาตมายืนยันว่าไม่เป็นความจริงในลักษณะแบบเชิงชายรักชาย แต่ให้เงินจริงจำนวน 5,000 บาทเป็นค่าจ้าง ซึ่งอาตมาไม่ได้เรียกผ่านแอปพลิเคชั่น ครั้งแรกที่เจอเรียกเพราะแท็กซี่ผ่านมาหน้าวัดพอดี ใช้บริการให้ขับไปส่งจำนวน 3 ครั้ง และขอเบอร์ติดต่อกันเอาไว้ อาตมาจะนั่งแต่เบาะหน้า และไม่ได้จับตัวหรืออะไรเลย ที่นั่งเบาะหน้าจะได้ดูวิวต่างๆ และอยากให้คนขับไม่ง่วง


ตอนนี้จะมอบหมายทนายให้จัดการดำเนินการ เพราะเสื่อมเสียต่อวัดและ และชื่อเสียงอาตมา ส่วนเรื่องไลน์ที่มีการพูดคุยกันเป็นปกติ ถามเรื่องต่างๆ ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าจะไปช่วยให้สำเร็จความใคร่ไม่เป็นความจริง ก่อนเขาจะไปแจ้งความเขาโทรมาขอเงินและขู่จะไปแจ้งความแต่ อาตมาไม่ให้ จึงบอกให้เขาไปแจ้งเลยเพราะ อาตมาไม่ได้ทำอะไรผิด


ป้าวันเพ็ญ เล่าว่า ท่านเป็นพระที่ดีมาก ท่านพาพวกเราไปถือศีลที่วัดหลายที่ ไปธรรมสัญจร เป็นพระที่ดี ตนรู้จักเจ้าอาวาสมานานแล้ว มาทำบุญทุกวันพระ ซึ่งตนทำบุญกับเขาบ่อยมากๆ แต่ช่วงนี้โควิดเยอะจึงไม่ค่อยได้ออกมาทำบุญ แต่ตนชอบถือศีล


ซึ่งทางเจ้าอาวาสไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียตั้งแต่อยู่มา ซึ่งตนไม่เชื่อตามข่าวที่ออกไป เพราะคนแถวนี้ไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้ ถ้าใครไม่มีตังจัดงานศพท่านก็จัดให้ฟรี ช่วงโควิดก็เผาให้ฟรี เขาดูแลญาติโยมแถวนี้ดีมาก ตอนนี้รู้สึกโมโหคนขับแท็กซี่มากที่มาพูดให้ท่านเสื่อมเสีย ช่วงนี้ทางวัดกำลังดีขึ้นแต่มาเสียชื่อเสียงเพราะแท๊กซี่ตนรู้สึกไม่ชอบ


ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00น.  ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่สภ.บางใหญ่ เพื่อติดตามความคืบหน้าเนื่องจากเจ้าหน้าที่ สภ.บางใหญ่ ได้เชิญตัวนายอำนาจ หรือแท็กซี่โชเฟอร์ เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมจากกรณีดังกล่าว และนำหลักฐานเป็นผ้าขนหนู 2 ผืนที่ใส่อยู่ในถุงกระดาษแบบหิ้วของหน่วยงานทหารหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งทางเจ้าอาวาสให้มาหลังจากกลับมาจากกุฏิและอ้างว่ารู้จักนายทหารชั้นผู้ใหญ่


ทางด้านนายอำนาจ กล่าวว่าวันนี้เข้ามาสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอกสารที่เจอกับเจ้าอาวาสครั้งสุดท้าย และนำผ้า 2 ผืนมาให้ ซึ่งเป็นผ้าที่ทางเจ้าอาวาสให้มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนยืนยัน 100% ว่าเป็นเรื่องจริง และความจริงก็คือความจริง ตอนนี้ให้คนรับรู้เยอะก็สบายใจขึ้นจะต้องตีแผ่ออกมา ตนรู้แล้วว่าจะฟ้องตนตนก็ยอมรับว่าคือความจริง และอยากให้เขาบอกทุกคนว่าไปภูทับเบิกไปทำอะไร ขาไปเช่าตน 2,500 บาท ขากลับอีก 2,500 บาท อยากให้ตอบว่าไปทำอะไร


และอยากให้ออกมาแจงเรื่องคนขับรถคนเก่าของเขาและตรวจสอบประวัติ ไม่ใช่เอาคนแก่มาพูด เพราะรถส่วนตัวก็มีทำไมมาใช้รถแท๊กซี่ไปทำอะไร ถ้าไม่คิดจะไปเผด็จศึกตนคงไม่ทำแบบนี้ ตนมั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง ถ้าเขาทำไม่ถูกต้องและเป็นเกย์ ทำไมทุกคนถึงช่วยเขา คนที่ช่วยจะรู้สึกผิดหรือไม่ ซึ่งเขาอ้างว่ามีนายผู้ใหญ่หนุนหลัง และไม่สมควรที่จะเป็นเจ้าอาวาสต่อไปจะทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ถ้าเขาจะฟ้องกับก็ปล่อยไปตามนั้น ตอนนี้รู้สึกกังวลเพราะตนเป็นคนหาเช้ากินค่ำไม่รู้จะไปสู้กับเขายังไง และรู้สึกหนักใจพอสมควร


วันนี้มีหลักฐานคือเรื่องแชทไลน์ให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว และยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ตนคงไม่มีเงินจ้างทนายมาสู้คดี ตอนนี้จะดูที่คลิปวิดีโอคอลสามารถกู้คืนได้หรือไม่ และจำนำเสียงคืนมาได้หรือไม่ ที่คุยกันเรื่องลับในการขอมีเพศสัมพันธ์ ถ้าเรื่องแบบนี้เขาจะเปลี่ยนเป็นการโทร ถ้าเขามาขอไกล่เกลี่ยคงจะไม่ยอมเพราะดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว


ส่วนเรื่องเงินที่เรียกร้องเป็นเรื่องไม่จริง ตอนนี้ไม่รู้ว่าสู้ไหวไหมจะพึ่งหลายๆด้านและอยากให้คนขับรถคนเก่าออกมาพูด และเขาก็ไม่ได้เรียกตนแค่ 3 ครั้ง แต่หลายครั้งมาก ซึ่งเขาบอกว่าไม่ได้เรียกผ่านแอพ ซึ่งตนไม่เคยวิ่งไปรับคนแถวนั้นเพราะวัดอยู่ในซอย ถ้ามีลูกศิษย์มาเรียกก็เป็นไปได้ ซึ่งมีรถส่วนตัวไม่น่ามาเรียกแท็กซี่


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ไม่สามารถรับดำเนินคดีได้เนื่องจากหมดอายุความ แต่ถ้าผู้เสียหายยังติดใจก็สามารถให้จ้างทนายความฟ้องส่วนตัวได้และเป็นคดีอาญา

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/2PSzbR3yafo

คุณอาจสนใจ

Related News