สลด! ไฟไหม้กระท่อมนากลางป่า คลอกยายวัย 79 ปี ดับ

พ.ต.ท.ยืนยง คำบอน สว.สอบสวน สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จ.อุดรธานี หลังได้รับการประสานจาก นายบุญชู จันทร์เจริญ ผญบ.บ้านโคกสะอาด ว่ามีเหตุไฟไหม้กระท่อมนาในป่าโคกวังฮูท้ายหมู่บ้านหนองนาไฮ ม.3 ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ โดยมีหญิงชราเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รอง ผกก. สอบสวน สภ.เพ็ญ ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.เพ็ญ และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน



ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากหมู่บ้านหนองนาไฮประมาณ 3 กิโลเมตร พบกระท่อมนาถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง เหลือเพียงสังกะสีอยู่ที่พื้น ข้างกระท่อมนาที่ถูกไฟไหม้ พบสามล้อเครื่องของผู้ตายถูกไฟไหม้ไปบางส่วน ก่อนพบศพ นางนาง อายุ 79 ปี ถูกไฟคลอกไหม้เกรียม ตำรวจจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป



นางสุนา อายุ 45 ปี ลูกสาวผู้ตาย ให้การว่า เช้าวันนี้ตนได้ออกไปทำงานก่อสร้างเวลา 06.30 น. หลังจากทำกับข้าวไปใส่บาตรให้หลวงพี่ และแบ่งไปกินมื้อเที่ยงกับลูกชาย ตอนนั้นไฟอยู่ในเตามีถ่านอยู่สองก้อน จึงได้เอากาน้ำอุ่นไว้บนเตา ก่อนออกไปทำงาน ไม่รู้ว่าแม่จะมาก่อไฟทำกับข้าวอีกหรือไม่ และตนคิดว่าต้นเพลิงน่าจะมาจากเตาถ่านที่อยู่ในครัว ที่มีกระสอบถ่าน 12 กระสอบ และที่ครัวมุงด้วยหญ้าคาด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้แม่ถูกไฟคลอกตาย เพราะแม่ห่วงทรัพย์สินที่เก็บไว้ใต้ที่นอนมีสร้อยทองรูปพรรณหนัก 1 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทองหนัก 1 สลึง 1 องค์ และเงินสด 4,500 บาท ที่แม่เคยบอกกับตนเอาไว้

ก่อนแม่เสียชีวิต 3 วัน แม่บอกว่าฝันเห็นคนแก่ที่เป็นญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปหลายคน จะมาเอาแม่ไปอยู่ด้วย แต่แม่ก็บอกว่าคงไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วงแม่อยู่กับหลานวัย 4 ขวบได้ ตนเองก็ไม่คิดอะไร ก็ออกไปทำงานปกติทุกวัน กระทั่งลูกชายโทรมาบอกว่ายายถูกไฟคลอกตายในกระท่อม เมื่อทราบข่าวถึงกับเข่าทรุดและร้องไห้ด้วยความเสียใจ ลูกชายโทรมาบอกครั้งแรกตนก็ไม่เชื่อ จึงโทรกลับหาลูกชายก็ยืนยันคำเดิมว่ายายเสียชีวิตแล้ว ทำให้นึกขึ้นถึงความฝันของแม่ที่บอกไว้ 3 วันติดต่อกัน ทำให้ขนหัวลุกเหมือนโดนผีหลอก



พ.ต.ท.ณภัทร จูมวันทา รอง ผกก.สอบสวน สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนและตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายมาปลูกกระท่อมนาอยู่มาประมาณ 3 ปี เศษ หลังได้รับสิทธิเข้าในเนื้อที่ทำมาหากิน ปลูกข้าว 6 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัว และเผาถ่านฟืนที่เก็บจากป่าขาย โดยที่กระท่อมไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาทำกับข้าวจะใช้ถ่านฟืนประกอบอาหาร ซึ่งตอนเช้าลูกสาวที่อยู่ด้วยกันทำกับข้าวไปใส่บาตรพระหลวงพี่ แต่ลืมดับไฟในเตาที่อยู่ในครัวมุงด้วยหญ้าคา ก่อนจะออกไปทำงาน และส่งลูกสาววัย 9 ขวบไปโรงเรียน



ส่วนผู้ตายหลังกินข้าวเสร็จ ได้อุ้มหลานชายวัย 4 ขวบ ไปนอนไกวเปลอยู่ในกระท่อมไม้หลังเล็กที่อยู่ใกล้กัน เนื่องจากกระท่อมหลังใหญ่ช่วงกลางวันจะร้อนอบอ้าว คาดว่าเพลิงได้ลุกไหม้จากบริเวณครัวข้างกระท่อมหลังใหญ่ที่มุงด้วยหญ้าคา และมีถ่าน 12 กระสอบ ที่เป็นเชื้อไฟอย่างดี เมื่อผู้ตายเห็นไฟกำลังลุกไหม้ได้วิ่งเข้าไปในกระท่อม เพื่อไปเอาทรัพย์สินมีค่าที่เก็บไว้ใต้ที่นอน และบอกให้หลานชายรออยู่ข้างนอก ทำให้สำลักควันไฟจนหมดสติ ก่อนจะถูกไฟคลอกนอนเสียชีวิตอยู่ในกองเพลิง ก่อนที่หลานชายผู้ตายจะมาพบ กระท่อมถูกไฟไหม้วอดคลอกยายเสียชีวิตแล้ว