แตกตื่น! ชาวบ้านเข้าป่าไปหาหนู กลับพบกระดูกคนเกลื่อน

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 15 มกราคม 2564 ร.ต.อ.ฐิตินันท์ ศรีเชียงหวาง รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก น.ส.นวินดา พรมยาลี อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ.ถ่อนน้อย ม.8 ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ว่ามีชาวบ้านพบโครงกระดูกมนุษย์หลายชิ้น อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ขนาด 30 ไร่ ชาวบ้านเรียกว่าป่าหลุมหิน คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนของบุคคลเดียวกันกับที่พบหัวกะโหลกและกระดูกชิ้นส่วนอื่นก่อนหน้านี้ ในสวนมะม่วงท้ายหมู่บ้าน บ้านถ่อนน้อย ช่วงเช้าของวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา หลังแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รองผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนมุงดูเป็นจำนวนมาก



ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่าละเมาะรกร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล น.ส.นวินดา พรมยาลี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ.ถ่อนน้อย นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทั้งหมด โดยมีนายคำพอง สมันวงศ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.1 บ.หนองนาคำ ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นคนพบคนแรก ชี้ให้ตรวจสอบตามจุดต่างๆ จุดแรกพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทะเบียน 2 กฎ 6367 กทม. และพบกระดูกมนุษย์หลายชิ้นส่วน ก้อนเส้นผมมนุษย์ กระจัดกระจายในพื้นที่ 5 จุด เศษเสื้อผ้า กางเกง คาดว่าเป็นของผู้ตาย 4 จุด ในกระเป๋ากางเกงพบโทรศัพท์มือถือ แบบกดปุ่ม 1 เครื่อง ห่อยาเส้น 1 ห่อ ถัดไปอีกเล็กน้อยพบร่องรอยการเสพยาเสพติด และห่อถุงยางอนามัย 2 ห่อ


จากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ ในป้าย พ.ร.บ. มีทะเบียนซ้อนอยู่อีก 2 ทะเบียน คือ 1 กค 1768 อุดรธานี และ 1 กย 4390 อุดรธานี มีหมวกกันน็อคแขวนอยู่กระจกด้านซ้าย ที่ตะกร้าหน้ารถพบถุกพลาสติคบรรจุขวดน้ำ ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง เปลผ้า และมีรองเท้าแตะสีดำถอดวางไว้ด้านซ้ายของรถ ที่พื้นดินด้านขวาของรถมีรอยคล้ายคราบเลือดคราบหนอง และก้อนเส้นผมมนุษย์ คาดว่าจะเป็นจุดที่มีคนเสียชีวิตอยู่ตอนแรก และจากการตรวจค้นกระเป๋า 2 ใบที่อยู่ใต้เบาะรถ พบโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และบัตรประจำตัวประชาชน 8 ใบ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2 ใบ บัตร ATM ธ.ออมสิน 1 ใบ สมุดเงินฝาก ธ.ออมสิน 1 เล่ม และหนังสือเดินทาง 1 เล่ม โดยทั้งหมดระบุชื่อบุคคลแตกต่างกันไป



นายคำพอง สมันวงศ์ เปิดเผยว่า มีที่นาอยู่ใกล้กันพื้นที่นี้ ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ทุกวันช่วงเช้าจะออกมาจับหนูนาที่ป่าหลุมหินเป็นประจำ ซึ่งสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่มานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ทีแรกคิดว่าเป็นรถของชาวบ้านในละแวกนี้ที่ออกมาหาจับหนูหรือมาหาของป่าเช่นกัน จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่งวันนี้ก็ยังเห็นจอดอยู่ที่เดิม จึงขับรถจักรยานยนต์ไปรับป้าในหมู่บ้านออกมาดูเป็นเพื่อนกัน พอเข้ามาใกล้จุดที่รถจอดอยู่ ก็ได้กลิ่นเหม็นสาปคล้ายกลิ่นซากศพ เหม็นโชยรุนแรงมาก พอเห็นกระจุกเส้นผมและกระดูกอยู่บริเวณใกล้กัน ก็รีบกลับไปแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทันที


“ วันที่ทราบข่าวพบหัวกะโหลกที่สวนมะม่วง ตนเองก็ออกมาดูเหมือนคนอื่นๆ เพราะมีที่นาติดกับที่เกิดเหตุ วันนั้นกลับไปนอนเฝ้านาเหมือนทุกวัน แต่ได้กลิ่นเหม็นซากศพตลบอบอวนไปทั้งกระท่อมนาจนนอนไม่ได้ คิดว่าน่าจะวิญญาณของหัวโหลกมาบอกให้รู้ว่าตายอยู่ตรงไหน เพราะตนชอบออกหาดักสัตว์ในป่าอยู่แล้ว วันต่อมาญาติๆจึงบอกให้ไปจุดธูปบอกดวงวิญญาณกลิ่นจึงหายไป คิดว่าที่กระดูกกระจัดระจายแบบนี้ ผู้ตายน่าจะตายอยู่ข้างรถแล้วมีสัตว์มากัดแทะกินศพ ป่าหลุมหินแห่งนี้อยู่ติดกับไร่อ้อย เคยเห็นฝูงสุนัขจิ้งจอกอยู่ 2 ฝูง ประมาณ 20 – 30 ตัว ออกหากินอยู่ในบริเวณนี้ คิดว่าน่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มารุมกินศพ ชาวบ้านแถวนี้ทราบดีว่ามีสุนัขจิ้งจอก เพราะลูกสุนัข เป็ด ไก่ ของชาวบ้านเองถูกสุนัขจิ้งจอกไล่กินประจำ ได้ยินเสียงเห่าเป็นกลุ่มอยู่ทุกคืน และเมื่อ 2 วันก่อนตนเองก็ดักสุนัขจิ้งจอกได้ 1 ตัว แต่ฆ่าและชำแหละทำเนื้อแดดเดียวไปแล้ว ”


พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รองผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากระดูกมนุษย์ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่เป็นของผู้ใด และยังไม่ทราบว่ามีกี่ศพ เนื่องจากถูกสัตว์กัดแทะกระจายไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นจะตรวจสอบการครอบครองรถจักรยานยนต์ว่าเป็นของบุคคลใด และจะไล่ตรวจสอบบุคคลตามบัตรและเอกสารต่างๆที่อยู่ในรถ เพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์และสืบหาว่าโครงกระดูกทั้งหมดเป็นใคร และจะเชื่อมโยงกับหัวกะโหลกที่ชาวบ้านพบเมื่อวันที่ 8 ม.ค.65 หรือไม่ ต้องรอตำรวจพิสูจน์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง ว่ามวลกระดูกหรือดีเอ็นเอตรงกันหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนต่อไป