สังคม

โควิดชลบุรี 'ฉุดไม่อยู่แล้ว' รพ.เตียงเต็ม สาวป่วยต้องแยกตัว กิน นอน ขับถ่ายในเต็นท์

โดย thichaphat_d

7 ม.ค. 2565

255 views

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ยังคงน่าเป็นห่วง ตัวเลขผู้ป่วยขยับเพิ่มสูงเกือบเท่าตัว


เกือบหนึ่งสัปดาห์หลังปีใหม่ พบว่าเฉพาะในพื้นที่ อ.บางละมุง มีผู้ป่วยติดเชื้อเกือบ 400 ราย และเริ่มกระจายไปในอำเภอใกล้เคียง ทำให้จำนวนผู้ป่วยไปรักษาตัวในรพ. และฮอสพิเทลต่างๆ เริ่มแน่น ผู้ป่วยหลายรายต้องรอเตียง


เมื่อวานนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายหนึ่งโพสต์ขอความช่วยเหลือ สถานะรอเตียง แต่ผู้ป่วยต้องไปนอนเต็นท์ เพราะภายในบ้าน มีคนแก่ เด็ก และผู้ป่วยพึ่งผ่าตัด อาศัยอยู่รวมกัน


ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านเกิดเหตุอยู่ ต.บางทราย อ.เมือง จังหวัดชลบุรี สภาพที่เห็นคือ มีเต็นท์ 1 หลัง อยู่ข้างบ้าน มีจานอาหารวางอยู่ข้างๆ ภายในเต๊นท์ มีน้องแอ๊นซ์ อายุ 18 ปี ผู้ป่วยโควิดอาศัยอยู่ในเต็นท์


น้องแอ๊นซ์บอกว่า ตนเองติดโควิด โดยไม่รู้ว่าติดเชื้อจากที่ไหน เพราะไปมาหลายที่ในบางแสน และแฟนเป็นนักดนตรี เล่นดนตรีในร้านอาหารที่บางแสน ตอนแรกมีอาการไข้ จึงตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK และพบว่าติดเชื้อ จึงบอกแม่ และแจ้งทาง รพ.ตามสิทธิ์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.


ทาง รพ. บอกว่าให้กินยาตามอาการ และรักษาตัวที่บ้าน ตอนนี้เตียงใน รพ.เต็ม ตนจะอาศัยในบ้านรวมกับแม่ และญาติๆ ก็ไม่ได้ และไม่รู้จะไปอยู่ไหน แม่จึงกางเต๊นท์ให้อยู่แบบนี้


สอบถามคุณออย แม่ของน้องแอ๊นซ์ บอกว่า ตอนนี้ครอบครัวไม่รู้จะทำยังไง ตั้งแต่รู้ว่าลูกติดโควิด และต้องรักษาตัวที่บ้าน เพราะที่บ้านอาศัยด้วยกัน 4 คน ใช้ห้องน้ำด้วยกัน ตนก็พึ่งผ่าตัดมดลูก ออกจากรพ.ได้เพียงวันเดียว ยังไม่แข็งแรงต้องพักฟื้น


พอรู้ว่าลูกติดโควิด จะไปรักษาในรพ. ก็ไม่ได้ รพ. บอกว่า ตอนนี้เตียงเต็ม คิดอะไรไม่ออกก็เลยนำเต็นท์ที่มีอยู่ให้ กิน นอน และขับถ่ายในเต็นท์ ลูกจึงต้องขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ใส่ถุง และนอนอยู่ในเต็นท์แบบนี้ มา 1 คืน 2 วัน พยายามหารพ. ลงทะเบียนตามระบบ แต่ได้รับคำตอบว่าเต็ม


เข้าใจว่าผู้ป่วยเยอะ จึงให้มารักษาตัวที่บ้าน แต่สภาพบ้านชั้นเดียว ไม่มีห้องกักตัว และใช้ห้องน้ำรวม เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อให้คนในบ้าน จึงแก้ปัญหาโดย ให้ลูกเอาเต็นท์ไปนอนข้างบ้าน ส่วนในบ้านจากที่นอนรวมกัน ก็กางเต็นท์ แยกกันอยู่คนละมุมบ้าน


เป็นห่วงลูก หากปล่อยนอนเต็นท์ต่อไป เสี่ยงแพร่เชื้อให้ทั้งคนในครอบครัวและชุมชน จึงโทรขอความช่วยเหลือจากรพ.และอธิบายให้รพ.ทราบเหตุผล แต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ และบอกให้รอ ซึ่่งทาง รพ. ยังบอกให้ตนพาลูกไปตรวจแบบ RT-PCR ก่อน จึงจะเข้ารักษาในรพ.ได้


“อยากขอให้ภาครัฐเข้าใจว่า กรณีผู้ป่วยที่ต้องมารักษาตัวที่บ้านตามระบบ HI ไม่สามารถทำได้ทุกคน และควรจะหาวิธีรองรับ กรณีของตนนั้นก็ดูแลกันเองตามกำลัง และหากปล่อยไว้จะเสี่ยงแพร่เชื้อให้คนอื่นอีก”


ตอนนี้ครอบครัวตัวเองพังเพราะโควิด จนต้องตกงานทั้งตนเองและสามี ต่อมาก็รักษาตัวและผ่าตัดมดลูก และมาเจอลูกสาวคิดโควิด ยอมรับว่าชีวิตตอนนี้ มืดมนไปทุกทาง


ทีมข่าวประสานมูลนิธิเส้นด้าย ส่งอาสาเข้าช่วยเหลือ ลงพื้นที่ตรวจเชื้อให้กับครอบครัวนี้ทั้ง 4 คน และนำน้องแอ๊นซ์ผู้ติดเชื้อไปรักษาที่ฮอสพิเทล กรุงเทพฯ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ให้นอนอยู่ในเต็นท์ จะมีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้คนอื่น


และระหว่างที่ประสานส่งตัวน้องแอ๊นซ์ไปรักษา ก็พบว่า แฟนหนุ่มที่ใกล้ชิดและสัมผัสเสี่ยงสูง มีไข้ และตรวจเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ก็พบว่าติดเชื้อ จึงนำส่งฮอสพิเทลทั้งสองคน


โดย การนำส่งรักษานี้ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท มิตซู มอเตอร์ นำรถกระบะไทรทันดัดแปลงเป็นห้องความดันลบ และมีอุปกรณ์การแพทย์สนับสนุนภารกิจช่วยผู้ป่วยโควิด ผ่านทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ให้อาสามูลนิธิเส้นด้ายนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/YfODkxNfjSQ

คุณอาจสนใจ

Related News