"อนุทิน" ย้ำผับ บาร์ต้องรอพิจารณาอีกครั้ง จวกโควิดระบาด เพราะขาดจิตสำนึก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 หลังปีใหม่ โดยเฉพาะร้านอาหารกึ่งผับบาร์ ที่พบผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัดตอนนี้ว่า เกิดจากผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และมาตรการสาธารณสุข จึงทำให้พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้ย้ำเตือนมาโดยตลอด มีทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ

อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตในช่วงที่มีโรคระบาด หากไม่มีจิตสำนึก ไม่ระมัดระวัง ยังรักความสนุกก็ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ส่วนประชาชนทั่วไปที่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ใช้ความระมัดระวังมีความสำนึก ความรับผิดชอบต่อสังคม ในส่วนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ การระบาดที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ แต่ไม่ปฏิบัติตาม

อย่างไรก็ตาม หากป่วยก็ต้องรักษา เพราะไม่รู้จะเอาผิดอย่างไร เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของจิตสำนึกต่อส่วนรวม ที่ผ่านมารัฐบาล กระทรวงสาธารณสุขได้เห็นใจ สถานบันเทิงต่าง ๆ ผับ บาร์ที่เปิดไม่ได้ ก็ได้มาขอปรับมาเป็นร้านอาหาร ทางรัฐจึงให้มีการปรับได้ คือ ให้ปรับเป็นร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ถึงเวลาจริงก็ได้ไม่ได้มีการปรับตามที่พูดไว้

ซึ่งผู้ที่เป็นอนุมัติในพื้นที่ก็ต้องรับผิดชอบทางตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัด หากเกิดการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ที่ไหนแล้วไม่มีการปฏิบัติตามก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เดือดร้อนทั้งประเทศ ก็จะส่งผลต่อผู้ประกอบการรายอื่นๆที่จะมาขอปรับให้เป็นร้านอาหาร ผู้ที่อนุมัติก็จะไม่กล้าที่จะให้อีก

ซึ่งก็จะส่งผลต่อการพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงที่จะให้เปิด 16 มกราคมนี้ โดยกรมควบคุมโรคจะมีการพิจารณาในวันที่ 15 มกราคม ก็ต้องกลับมาพิจารณากันใหม่ เนื่องจากไม่มีการปฏิบัติตาม มาตรการ Covid free setting

ส่วนตัวมองว่า หากเกิดการระบาดอย่างนี้แล้ว ไม่อยากให้เปิด เพียงแต่คงเสนอความคิดเห็นในวงประชุมเท่านั้น อย่างไรก็ตามยังเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่ให้ความร่วมมือแต่ส่วนใหญ่ต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในช่วงเคานต์ดาวน์ที่ผ่านมา ย้ำเตือนสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด- 19 ให้เข้ารับวัคซีนโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ ผู้ที่ติดเชื้อโควิค-19 ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว

ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อเริ่มลดจำนวนลงแล้ว แต่ก็กลับมาพบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมาที่ 3,000 ราย ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่ได้ประกาศเป็นมาตรการเข้มบังคับ เนื่องจากไม่ได้มีกฎหมายเปิดช่องไว้ จึงได้แต่ขอความร่วมมือมาตลอด สร้างความเข้าใจ