สังคม

ให้ออกจากราชการ! สั่งเชือด สตต. ขี่จยย.ไล่ยิงรถเมล์ อ้างเพิ่งทะเลาะแฟน-ฉุนรถพ่นควันดำ

โดย thichaphat_d

3 ธ.ค. 2564

3.2K views

วินาทีที่ชายสวมหมวกกันน็อก สวมเสื้อสีส้ม ขี่มอเตอร์ไซค์ ตามประกบมาด้านซ้ายของรถเมล์สาย 71 จากนั้นมอเตอร์ไซด์ได้เปลี่ยนมาอยู่ด้านขวา ของรถเมล์ แล้วลั่นไกยิงใส่รถเมล์ 1 นัด ทำให้กระเป๋ารถเมล์ ซึ่งถ่ายคลิปร้องด้วยความตกใจ และบอกว่ามันยิงมา


โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริเวณป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ย่านรามอินทรา


ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังคนขับรถเมล์รายนี้ ทราบชื่อคือ นายก้อด บอกว่า วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนพร้อมแฟนสาวซึ่งเป็นกระเป๋ารถเมล์ ได้ขับรถออกจากอู่รถที่ซอยสวนสยาม ย่านมีนบุรี ได้จอดรับผู้โดยสารที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี


จากนั้นมอเตอร์ไซค์คู่กรณี ได้ขี่มาจอดขวางหน้ารถเมล์ และเดินมาถามว่าขับรถควันดำผิดกฎหมายไหม ตนจึงบอกไปว่าไม่ทราบเพราะต้องไปถามหัวหน้า คู่กรณีได้ยิ้มให้ตน 1 ครั้งและบอกว่าขับรถดี ๆ นะ จากนั้นได้ไปหยิบปืนที่ใต้เบาะรถ แล้วเดินจะขึ้นมาบนรถเมล์


ตนเห็นท่าไม่ดี จึงให้ผู้โดยสารลงจากรถ แล้วขับรถหนี แต่คู่กรณียังขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตาม จนถึงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ตนมองกระจกมองข้างด้านขวา เห็นคู่กรณีหยิบปืนมาวางตรงหน้ามอเตอร์ไซด์ ลักษณะเหมือนประทับปืนและยิง ตนจึงหักรถหลบทางซ้าย ทำให้กระสุนโดนกระจกมองข้างด้านขวา และแฉลบไปหน้ารถ ซึ่งหากตนไม่หลบกระสุนจะต้องเข้าที่ท้ายทอยอย่างแน่นอน


โดยคู่กรณี ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ตามประกบ ไปจนถึงสะพานข้ามแยกตรงซอยคู้บอน แล้วจึงหนีไป โดยจากคลิปจะเห็นได้ว่าในมือของคู่กรณียังถือปืนอยู่ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จากนั้นตนกับแฟนสาวได้ไปแจ้งความที่ สน.บางชัน โดยนำคลิปที่เห็นคู่กรณี


โดยเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนนายสิบ ใช้มอเตอร์ไซค์แฟนสาวมาขี่ในวันเกิดเหตุ ต่อมาตำรวจได้ติดต่อกลับมาบอกว่าผู้ก่อเหตุขอให้เงินตนกับแฟนคนละ 5 หมื่นบาท และจบเรื่องนี้ แต่ตนไม่ยอมและต้องการให้ผู้ก่อเหตุติดคุก เพราะตนถูกไล่ยิง ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยมีปัญหากับคู่กรณีมาก่อน ยอมรับเสียความรู้สึก เพราะแทนที่ตำรวจจะไปจับผู้ก่อเหตุ กลับมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย


ต่อมา พลตำรวจตรีพรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบจากเลขทะเบียนรถและโทรไปสอบถาม ซึ่งต่อมาผู้ก่อเหตุคือ สิบตำรวจตรีกัมปนาท ไชยการ อายุ 28 ปี ได้นำอาวุธปืนแม็กกาซีน ขนาด .22 ที่ใช้ก่อเหตุ


เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีความเครียด ทะเลาะกับแฟน พอมามีปัญหาบนท้องถนนกับผู้เสียหาย จึงได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุขึ้น ทั้งนี้ ในทีแรกผู้ต้องหาไม่ได้บอกว่าตนเป็นตำรวจ แต่จากการตรวจสอบอาวุธปืนพบว่าเป็นของราชการ ผู้ต้องหาจึงยอมรับว่า ตนเป็นตำรวจยศสิบตำรวจตรี สังกัดกองบังคับการกองบินตำรวจ


โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 3 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาพยายามฆ่า / ข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต / ข้อหายิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมกับได้รายงานไปยังต้นสังกัดของผู้ต้องหาให้รับทราบว่ามีการกระทำความผิดทางอาญา


โดยทางต้นสังกัดจะเป็นผู้พิจารณาโทษทางวินัยต่อไป ซึ่งโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนเห็นว่า ผู้ต้องหาเข้ามามอบตัว ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว


ขณะที่ พันตำรวจเอกวสุ เชื่อพุทธ ผู้กำกับการ สน.บางชัน เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีพนักงานสอบสวนโทรไปจะขอไกล่เกลี่ยด้วยการจ่ายเงินนั้น ตนได้สอบถามทั้งหมดแล้ว พบว่าไม่ได้มีการโทรไปบอกในลักษณะดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะได้พูดเรื่องการชดเชยค่าเสียหาย แต่ไม่ใช่การไกล่เกลี่ยเพื่อล้มคดีแน่นอน ทั้งนี้ ยืนยันว่าพร้อมให้ความเป็นธรรม และจะไม่มีการช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจแน่นอน


ทางด้าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เปิดเผยว่า จากข่าวที่ปรากฎตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ เพชรรักษ์ ผู้บังคับการกองบินตำรวจ เร่งรัดตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงไปแล้ว พร้อมให้ออกจากราชการไว้ก่อน


พร้อมรายงานให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบเบื้องต้น เพราะเป็นเรื่องอุกอาจ และทำให้สํานักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสื่อมเสีย ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและศรัทธา อีกทั้งเป็นผู้พิทักสันติราษฎร์แต่มากระทําความผิดเสียเอง ควรถูกลงโทษทันที



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/QLZ6Ji5_bv4

คุณอาจสนใจ

Related News