กว่าจะเจอตัว...ลุงขายไอติม นอนป้ายรถเมล์ติดโควิดไม่รู้ตัว ซ้ำตระเวนขายไปทั่ว เกลี้ยกล่อมนานกว่าจะยอมไปหาหมอ

จากกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตนอนเสียชีวิตบริเวณ ป้ายรถเมล์ชั่วคราว ริมถนนพระราม 3 ซอย 1 ใกล้แยกถนนตก เขตบางคอแหลม และพบผู้อยู่ใกล้จุดดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุชายและหญิง 2 ราย

โดยฝ่ายชายเป็นลุงขายไอติม อาศัยอยู่ด้วยกันติดเชื้อโควิด แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ที่ทั้งสองคน อาศัยป้ายรถเมล์กิน นอน ขับถ่าย ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ต่อมาพบว่าวันเสาร์ที่ 21 ส.ค. ช่วงเย็น ที่ทราบผลว่าลุงขายไอติมและป้า ติดเชื้อโควิด ทีมข่าวจึงไปแจ้งให้ลุงทราบผลตรวจเชื้อ แต่ปรากฎว่าทั้งลุงและป้าหายไปจากป้ายรถเมล์

ชาวบ้านบอกว่า ป้าเดินหายไปตั้งแต่ช่วงบ่ายไม่รู้ไปไหน ส่วนลุงขายไอติมขึ้นรถเมล์ไปแล้ว ไม่รู้ไปไหน ทีมข่าวได้ข้อมูลว่า คุณป้าจะชอบไปนั่งข้างตลาดสด ใกล้ๆที่เกิดเหตุ จึงเดินตามหา พบคุณป้านั่งอยู่ริมถนน ห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณ 300 เมตร คุณป้านั่งในสภาพ ไม่ใส่หน้ากากอนามัยและมีน้ำมูกไหล

ทีมข่าวจึงแจ้งให้ป้าทราบว่าไม่สบาย ต้องไปหาหมอ และขอให้ป้ากลับมานั่งที่ป้ายรถเมล์เหมือนเดิมเพราะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ คุณป้ายอมที่จะเดินกลับมาที่เดิม ผู้สื่อข่าวสวมชุดพีพีอีและอุปกรณ์ป้องกัน พยุงพาคุณป้าเดินกลับมาที่เดิม ทีมข่าวเราอีกส่วนต้องแจ้งให้ชาวบ้านหลีกทางและอย่าเข้าใกล้ เพราะคุณป้าไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย

เมื่อมาถึงป้ายรถเมล์ คุณป้ามีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว ตัวร้อน และหายใจหอบเหนื่อย ขอดื่มน้ำ จากนั้นก็ขอเอนตัวลงนอน บนม้านั่งจุดเดิมที่น้องชายเสียชีวิต สังเกตุเห็นคุณป้านอนหายใจหอบเหนื่อย

ทีมข่าวประสานนายแพทย์สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร นำรถรพ.มารับคุณป้าไปรักษา โดยตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่า คุณป้ามีไข้ ออกซิเจนต่ำกว่าปกติ และอ่อนเพลีย ทีมแพทย์ช่วยกันพยุงร่างของคุณป้า ขึ้นรถไปรพ. ระหว่างนี้คุณป้าก็บอกจะไม่ยอมไป เพราะเป็นของเก่าที่เก็บมาสะสมไว้ เจ้าหน้าที่ต้องบอกว่า ไปหาหมอก่อน จะได้มีแรงกลับมาขายของ คุณป้าจึงยอมไปรักษาตัวที่รพ.เจริญกรุงประชารักษ์

แต่ปัญหาคือลุงขายไอติมหายตัวไปตั้งแต่วันเสาร์ ทีมข่าวและอาสาเส้นด้าย พยายามตามหาคุณลุงและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหา เพราะคุณลุงเสี่ยงอันตรายมากในการแพร่เชื้อ อีกทั้งยังขายไอติม หยิบจับสัมผัสไอติม โดยไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อโควิด

ทีมข่าวประสานชาวบ้าน รปภ. และวินจยย. ที่อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ คอยสังเกตุหากลุงขายไอติม กลับมาให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตลอดทั้งคืนวันเสาร์ ลุงขายไอติมก็ไม่กลับมา วันอาทิตย์ก็ไม่เจอ จนกระทั่งเย็นวานนี้ ชาวบ้านโทรแจ้งทีมข่าวว่า คุณลุงขายไอติมกลับมาแล้ว

แต่เมื่อลุงเจอเจ้าหน้าที่ ก็ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ป่วย ไม่ได้ติดเชื้อ เพราะฉีดวัคซีนแล้ว 1 เข็มและไม่ยอมไปรพ.เพราะกลัวจะไม่ได้ขายไอติม ไม่มีรายได้ ลุงบอกว่า ที่หายไปก็ไปเร่ขายไอติมมา และกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้ไม่มีอาการอะไร มีแค่เจ็บคอเล็กน้อย ส่วนอาการไอ ก็เป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่เชื้อว่าติดโควิด และจะไปขายไอติมไม่ยอมไป รพ.

สุดท้ายเกลี้ยกล่อมลุงอยู่นาน กว่าจะยอมไปรพ.โดยลุงยืนยันว่า จะรับยามากิน ทีมอาสาเส้นด้ายจึงประสาน รพ.บุษราคัม รับลุงไปรักษา เพราะหากปล่อยออกมา เกรงจะไปแพร่เชื้อและอันตรายกับผู้อื่น เพราะลุงไม่ชอบใส่หน้าการกากอนามัย จะใส่ก็ปิดแค่ปาก เปิดจมูก

หลังจากคุณลุงไปรพ.แล้ว อาสาเส้นด้ายก็นำน้ำยาฆ่าเชื้อ มาฉีดพ่นบริเวณป้ายรถเมล์และจุดหน้าร้านเซเว่นซึ่งลุงขายไอติมและป้าอาศัยอยู่ นอกจากนี้นังมีกองขยะ จำนวนหนึ่งและสิ่งปฏิกูล เพราะจุดนี้เป็นที่ขับถ่าย

กรณีของลุงขายไอติมนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ไปรับไอติมจากร้านขายส่งแห่งหนึ่ง ทีมอาสาเส้นด้าย จึงเดินทางไปร้านไอติมดังกล่าว พบว่าไม่ใช่โรงงานผลิตแต่เป็นจุดขายส่งโดยจัดส่งให้รถไอติมไปขาย

เมื่อขายเสร็จ ก็จอดรถไว้ตรงนี้ ทางร้านจะพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาด โดยทางร้านก็ตกใจว่า ลุงติดเชื้อมาจากไหน จากนั้นอาสาเส้นด้าย นำชุดตรวจ ATK ตรวจเชื้อให้ทุกคนในร้านขายไอติมพบว่า ทุกคนผลเป็นลบ ซึ่งทางร้านยืนยันว่ามีมาตราการป้องกันโควิด และไอติมก็ไม่ได้ผลิตที่นี่ คนที่ซื้อไอติมวางใจได้ ไม่มีเชื้อปนเปื้อน แต่กรณีที่ลุงไปขายในชุมชน และลุงไม่ชอบใส่หน้ากากให้ถูกวิธีคนที่ซื้อไอติมกับลูกและสัมผัส ก็เสี่ยงอันตราย

สำหรับพื้นที่ป้ายรถเมล์ เป็นจุดสาธารณะ และตั้งแต่เกิดเรื่องพบผู้เสียชีวิต จนต่อมาพบว่าป้าและลุงขายไอติมติดเชื้อ ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใด มาทำความสะอาด และจุดนี้ ประชาชนจำนวนมากมารอรถ ชาวบ้านที่อาศัยใกล้เคียงก็ขอให้เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องมาทำความสะอาดฆ่าเชื้อและเก็บขยะสิ่งปฏิกูล เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/nGCNRQtepPg